วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แปลเพลง Cecilia and satellite by Andrew McMahon


   สวัสดีค่ำวันอาทิตย์ค่ะ วันนี้มีหนึ่งบทเพลงไพเราะ ความหมายดีๆมานำเสนอเช่นเคยค่ะ เพลงนี้ได้ฟังจากวิทยุ และรู้สึกว่ามันมีมนต์สเน่ห์บางอย่างที่ทำให้อยากฟังอีกเรื่อยๆค่ะ เพลงนี้ก็คือ เพลง Cecilia and satellite จากคุณพ่อมือใหม่รูปหล่อ Andrew McMahon ที่แต่งเพลงนี้ให้กับภรรยาและลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนน้อง Cecilia นั่นเองค่ะ

Andrew McMahon

    เพลงนี้ยังคงสไตล์ของ Andrew ที่เน้นเสียงเปียโน และเสียงร้องอันหล่อเหลามีเสน่ห์ของเขา Andrew เล่าว่า เค้าตกหลุมรักลูกสาวตั้งแต่แรกเห็น และอยากจะแสดงมันออกมาให้รู้ว่าเค้ารักลูกและภรรยาของมากแค่ไหนด้วยเพลงที่เค้าแต่งขึ้นมาเองเพลงนี้
  เค้าเล่ามา " ผมอยากจะให้ลูกสาวของผมดูและเธอจะรู้ว่าพ่อของเธอเป็นแบบไหนก่อนที่เธอจะเกิด สำหรับผมแล้ว มันก็เหมือนกับแคปซูลเวลาของความสำเร็จและความล้มเหลวของผม และการตัดสินใจที่อยู่เพื่อเธอไม่ว่าจะร้ายหรือดี"

 "I wanted her to be able to look back and know who her dad was before she was born. To me, it's a time capsule of my successes and failures and a commitment to be there for her through the same highs and lows," he said.


   นอกจากเพลงนี้จะพูดถึงภรรยาและลูกของเขาแล้ว Andrew ยังพูดถึงแม่ของเขาด้วยในท่อน My mother in the seat riding next to me เค้าเล่าเรื่องเมื่อครั้งที่เค้าอายุ 17 ปีแล้วขับรถชนในขณะที่แม่เค้านั่งอยู่ข้างๆบนรถกับเค้า Andrew บอกว่าถ้าเป็นไปได้อยากจะให้เพลงของเค้ามีพ่อแม่เข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่านี้

   MV เพลงนี้มี 2 version ค่ะ โดยแบบแรกเราจะเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆในเอ็มวี ซึ่งก็คือน้อง Cecilia ลูกของ Andrew นั่นเองค่ะ และเห็นนางเองเอ็มวีใส่ชุดสีขาวบางเต้นรำอยู่ในสถานที่ลึกลับค่ะ Andrew ดูเอ็มวีนี้และคิดว่าลูกของเค้าน่าจะอยู่ในเอ็มวีมากกว่านี้ เค้าเลยให้ทีมงานมาทำอีกเอ็มวีนึงที่ตามถ่ายชีวิตของเค้า ภรรยาและลูกสาวว่าทำอะไรบ้าง ตั้งแต่เปลี่ยนผ้าอ้อมไปช็อปปิ้ง รวมทั้งไปคอนเสิร์ตของตัวเค้าเอง เป็นเอ็มวีที่น่ารักมากๆเลยหล่ะค่ะ







I lock myself in a hotel room
Been waiting all night for the walls to move
I've loved some girls that I barely knew
I've made some friends, and I've lost some too

ฉันขังตัวเองไว้ในห้องพักของโรงแรม
เฝ้ารอตลอดทั้งคืนว่าเมื่อไหร่นะผนังห้องมันจะเคลื่อนได้ (รอคอยปาฏิหารย์ให้เกิดขึ้น)
ฉันตกหลุดรักผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันแทบไม่รู้จักเลย
ฉันมีเพื่อนใหม่ๆ และเพื่อนบางคนก็ห่างหายไปบ้าง



Crashed my car, I was 17
My mother in the seat riding next to me
The things I've learned from a broken mirror
How a face can change when a heart knows fear
Through all the things my eyes have seen
The best by far is you

ฉันขับรถชนตอนฉันอายุ 17 ปี
ตอนนั้นแม่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆฉันเลย
สิ่งที่ฉันเรียนรู้จากกระจกที่มันแตกร้าวนั้น
ก็คือสีหน้าเราเปลี่ยนได้เมื่อหัวใจเรารู้จักกลัว
จากทุกสิ่งที่ดวงตาของฉันเคยได้พบเห็นมา สิ่งที่ดีที่สุดคือคุณ


If I could fly
Then I would know
What life looks like from up above and down below
I'd keep you safe
I'd keep you dry
Don't be afraid Cecilia
I'm the satellite
And you're the sky

ถ้าหากว่าฉันบินได้
ฉันจะได้รู้
ว่าชีวิตมันเป็นเช่นไรจากข้างบนนี้ และข้างล่างนั่น
ฉันจะปกป้องเธอให้ปลอดภัย
ฉันดูแลเธอไม่ให้เป็นอะไร
เพราะฉันคือดาวเทียม
และเธอก็คือท้องฟ้าของฉัน
(Andrew เปรียบเทียบว่าเค้าคือดาวเทียมที่ได้เห็นโลกมาแล้วทั้งใบ และจะสอนลูกของเค้าด้วยประสบการณ์ และบทเรียนที่เค้าได้เรียนรู้มาจากโลกใบนี้ และลูกของเค้าก็คือท้องฟ้า คือทุกๆอย่างของเค้า เพราะดาวเทียมจะมีไม่ได้เลยหากไม่มีท้องฟ้านั่นเอง )

I've cafe crawled through Amsterdam
I've been around the world with a punk rock band
And I've seen London, and I've played Japan
I've been knocked down, I got up again
For all the places I have been
I'm no place without you

ฉันเคยอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม
ฉันไปมาแล้วรอบโลกกับวงพังค์ร็อค
ฉันได้ไปเห็นลอนดอน และได้ไปเล่นที่ญี่ปุ่น
ฉันล้มลง แล้วลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง
ทุกๆที่ ที่ฉันเคยไปนั้น มันไม่มีความหมายอะไรเลย
ถ้าไม่มีคุณ

If I could fly
Then I would know
What life looks like from up above and down below
I'd keep you safe
I'd keep you dry
Don't be afraid Cecilia
I'm the satellite
And you're the sky
I'm the satellite
And you're the sky

ถ้าหากว่าฉันบินได้
ฉันจะได้รู้
ว่าชีวิตมันเป็นเช่นไรจากข้างบนนี้ และข้างล่างนั่น
ฉันจะปกป้องเธอให้ปลอดภัย
ฉันดูแลเธอไม่ให้เป็นอะไร
เพราะฉันคือดาวเทียม
และเธอก็คือท้องฟ้าของฉัน
เพราะฉันคือดาวเทียม
และเธอก็คือท้องฟ้าของฉัน



For all the things my hands have held
The best by far is you

จากทุกสิ่งที่มือฉันเคยได้สัมผัสมา สิ่งที่ดีที่สุดคือคุณ



If I could fly
Then I would know
What life looks like from up above and down below
I'd keep you safe
I'd keep you dry
Don't be afraid Cecilia
I'm the satellite
And you're the sky
And you're the sky
I'm the satellite
And you're the sky
And you're the sky

ถ้าหากว่าฉันบินได้
ฉันจะได้รู้
ว่าชีวิตมันเป็นเช่นไรจากข้างบนนี้ และข้างล่างนั่น
ฉันจะปกป้องเธอให้ปลอดภัย
ฉันดูแลเธอไม่ให้เป็นอะไร
เพราะฉันคือดาวเทียม
และเธอก็คือท้องฟ้าของฉัน
และเธอก็คือท้องฟ้าของฉัน
เพราะฉันคือดาวเทียม
และเธอก็คือท้องฟ้าของฉัน
และเธอก็คือท้องฟ้าของฉัน
SONGWRITERS
JAMES FLANNIGAN, ANDERS GRAHN, ANDREW ROSS MCMAHON
PUBLISHED BY
LYRICS © KOBALT MUSIC PUBLISHING LTD., SONGS MP

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แปลเพลง Hold on forever by Rob Thomas

   



          สวัสดีเย็นวันจันทร์ค่ะ วันนี้มีเพลงเพราะๆจากป๋า Rob Thomas มานำเสนอค่ะ ชื่อเพลง Hold on forever ค่า เป็น single ที่  2 ที่ปล่อยจากอัลบัมเดี่ยวอัลบัมที่ 3 "The Great Unknown" ของร็อบ หลังจากที่ห่างหายไปจากวงการถึง 6 ปีค่า อัลบัมนี้นอกจากร็อบจะแต่งเพลงเองแล้ว ก็ยังมีศิลปินในดวงใจของเราร่วมแต่งและเป็น Producer ด้วย นั่นก็คือ Ryan Tedder พ่อหมีแห่งวง OneRepublic นั่นเองค่าาา   เราฟังครั้งแรกก็ตกหลุมรักเพลงนี้เลย ลองไปฟังดูกันค่ะ




Hold on forever

Another night and here we are again
All our faults laid out ahead
Let it out, then let it right back in
All those voices in your head

เป็นอีกคืนหนึ่งที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้
ทุกความผิดพลาดของเราถูกเผยออกมา
ปล่อยให้มันออกมาเถอะ แล้วค่อยให้มันกลับเข้าไป 
เสียงทั้งหมดในหัวคุณนั่นแหละ



And we both know everything, but we can't learn to leave
So I'll tell you what you need

เราต่างรู้ดี แต่เราไม่สามารถแยกจากกันได้
เพราะงั้นฉันจะบอกในสิ่งที่คุณต้องการ



First thing: we make you feel better
Next stop: we pull it all together
I'll keep you warm like a sweater
Take my hand, hold on forever
Just fall apart if you need to
I'm here and I won't leave you now
Don't look down
Hold on forever

อย่างแรกเลย เราจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
จากนั้น เราจะดึงให้เราเข้ามาให้ๆกัน
ฉันจะทำให้คุณได้รู้สึกอบอุ่นเหมือนคุณกำลังสวมเสื้อกันหนาวเลยหล่ะ
จับมือฉันไว้ เราจะจับมือกันอย่างนี้ตลอดไป
คุณอาจจะเดินออกไปได้นะถ้าคุณต้องการ
แต่ฉันจะอยู่ที่นี่ และจะไม่หายจากคุณไปไหน
อย่าแต่มัวครางแคลงใจเลย
เราจะจับมือไปอย่างนี้ตลอดไป


Lay down all your troubles end to end
They could reach up to the stars
So many roads, you don't know where you've been
But you still know who you are

ค่อยๆวางทุกปัญหาของคุณลงนะ
มันอาจจะมากมายเหลือเกิน
มันมีหนทางมากมายรู้มั้ย คุณไม่รู้หรอกว่าคุณไปที่ไหนมาบ้าง
แต่ก็จะรู้จักตัวคุณเองดีเสมอนะ
And if I seem preoccupied, I'm wondering what to do
So here's my recipe for you

แล้วถ้าฉันดูจะหมกมุ่นไป ฉันสงสัยว่าฉันต้องทำอะไรบ้าง
แล้วนี่ก็คือสูตรฉันสำหรับคุณ



First thing: we make you feel better
Next stop: we pull it all together
I'll keep you warm like a sweater
Take my hand, hold on forever
Just fall apart if you need to
I'm here and I won't leave you now
Don't look down
Hold on forever

อย่างแรกเลย เราจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
จากนั้น เราจะดึงให้เราเข้ามาให้ๆกัน
ฉันจะทำให้คุณได้รู้สึกอบอุ่นเหมือนคุณกำลังสวมเสื้อกันหนาวเลยหล่ะ
จับมือฉันไว้ เราจะจับมือกันอย่างนี้ตลอดไป
คุณอาจจะเดินออกไปได้นะถ้าคุณต้องการ
แต่ฉันจะอยู่ที่นี่ และจะไม่หายจากคุณไปไหน
อย่าแต่มัวครางแคลงใจเลย
เราจะจับมือไปอย่างนี้ตลอดไป




And we both know everything, but we can't learn to leave
So I'll tell you what you need

เราต่างรู้ดี แต่เราไม่สามารถแยกจากกันได้
เพราะงั้นฉันจะบอกในสิ่งที่คุณต้องการ




วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แปลเพลง Hold each other by A great big world ft.Futuristic



   
          สวัสดีค่ำวันศุกร์สุดหรรหาค่ะ เย้ๆ วันนี้หลังจากที่นั่งๆฟังวิทยุไป ก็มาสะดุดอยู่เพลงๆนึงค่ะ รู้สึกว่าเมโลดีเพราะดี แล้วก็ความหมายเพลงดีด้วย วันนี้ก็เลยเลือกเพลงนี้มานำเสนอค่ะ นั่นก็คือ เพลง Hold each other ที่แปลว่า เราจะโอบอุ้ม(กอด)กันไว้ นั่นเองค่ะ เพลงนี้ร้องและแต่งโดยนักร้องดูโอชาวอเมริกัน A Great Big World ที่เริ่มโด่งดังจากเพลง This is the new year จากการนำมาร้องในซีรีย์มิวสิเคิลสุดฮิต Glee และเพลงสุดฮิตอย่าง Say something ที่ได้ Christina Agiuilera มา featuring นั่นหล่ะค๊าาา 
โดยในเพลง Hold each other นี้ยังได้แร็ปเปอร์หนุ่มดาวรุ่ง Futuristic มาช่วยแร็ปในเพลงนี้ และเพลงนี้จะเป็นซิงเกิ้ลแรกสำหรับอัลบั้มใหม่ชุดที่ 2 ของทางวงที่จะออกวางจำหน่ายในช่วงปลายปีนี้อีกด้วยไปลองฟังกันดูเลยค่าาา






A Great Big World "Hold Each Other" ft.Futuristic



I miss the words we used to say
I miss the sounds of yesterday
I miss the games we used to play like ohhh
I was trapped inside a dream
I couldn’t see her next to me
I didn’t know she’d set me free like ohhh


ฉันคิดถึงคำพูดที่เราเคยพูดคุยกันฉันคิดถึงเสียงของวันวาน
ฉันคิดถึงเกมส์ที่เราเคยเล่นด้วยกัน มันช่าง โอ้วว
ฉันเหมือนโดนกับดักติดอยู่ในความฝัน
ฉันไม่เห็นเลยว่าเธออยู่ข้างๆฉัน
ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอจะเป็นคนปลดปล่อยฉัน มันช่าง โอ้วว



Something happens when I hold her
She keeps my heart from getting older
When the days get short and the nights get a little bit colder
We hold each other
We hold each other
We hold each other, mmm


บางสิ่งเกิดขึ้นยามที่ฉันโอบอุ้มเธอ
เธอรักษาหัวใจของฉัน มันไม่แก่ขึ้นเลย
เมื่อกลางวันนั้นสั้นลง และยามราตรีที่หนาวขึ้นกว่าเดิม
เราโอบกอดกันไว้
เราโอบกอดกันไว้
เราโอบกอดกันไว้ อืมม




Everything looks different now
All this time my head was down
He came along and showed me how to let go
I can’t remember where I’m from
All I know is who I’ve become
That our love has just begun like ohhh


ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างดูต่างออกไป
ฉันมัวแต่ก้มหน้าก้มตาตลอดเวลา
อยู่ดีๆเขาก็เข้ามา แสดงให้ฉันเห็นวิธีที่จะปล่อยวาง
ฉันจำไม่ได้ว่าฉันมาจากไหน
เท่าที่ฉันรู้คือฉันเป็นคนแบบไหน
ที่ความรักของเราพึ่งจะเริ่มต้น มันช่าง โอ้วว



Something happens when I hold him
He keeps my heart from getting broken
When the days get short and the nights get a little bit frozen
We hold each other
We hold each other
We hold each other, mmm

บางสิ่งเกิดขึ้นยามที่ฉันโอบกอดเขา
เขาดูแลหัวใจของฉันไม่ให้มันแตกร้าว
เมื่อกลางวันนั้นสั้นลง และยามราตรีที่หนาวเย็นจับใจ
เราโอบกอดกันไว้
เราโอบกอดกันไว้
เราโอบกอดกันไว้ อืมม




If I’m stressing you that blessing that's sent from heaven
These days start to feel like hours and hours feel more like seconds
People judged us they couldn’t see the connection
When I look at you, it’s like I’m looking back at my reflection
I don’t see nothing different, our pigments they coincide
We hold each other so tight they couldn’t break us if they tried
I feel the love in your touch and I trust what’s inside your mind
My eyes are are those of the blind, I see no color or size, ok

ถ้าฉันเน้นให้เธอได้รู้ว่ามันเป็นพรจากสวรรค์
หนึ่งวันเริ่มรู้สึกเหมือนแค่ชั่วโมง และชั่วโมงเหมือนเพียงแค่วินาที
ผู้คนตัดสินพวกเรา แต่พวกเขาไม่เห็นถึงความสัมพันธ์ของเราด้วยซ้ำ
เมื่อฉันมองไปที่เธอ มันเหมือนฉันมองเห็นภาพสะท้อนของตัวเอง
ฉันไม่เห็นอะไรที่มันเปลี่ยนไปเลย สี(องค์ประกอบ)ของพวกเรานั้นเข้ากันได้ดี
เรากอดกันไว้แน่น ไม่ว่าใครจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถแยกเราจากกันได้
ฉันรู้สึกได้ถึงความรักจากสัมผัสของเธอ และฉันเชื่อใจเธอ
ตาฉันนั้นเหมือนคนตาบอด ฉันไม่เห็นความแตกต่างของสีผิวหรือขนาดตัวของใครๆหรอก




I know that we’ve been through a lot
I know that we both grew up
You know I missed you a lot
When I was young I was dumb
Didn’t think you'd fit in my plot
And I appreciate the break because I love what we got now
You give me chills and I can’t imagine you leaving
If I could build a perfect person honestly you would be it
And you know nobody knows you like I know you
I can’t wait to come back home so I can hold you


ฉันรู้ว่าเราเคยผ่านอะไรต่ออะไรด้วยกันมามาก
ฉันรู้ว่าเราทั้งคู่ต่างเติบโต
เธอรู้ว่าฉันคิดถึงเธอมากแค่ไหน
ตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันนี่มันโง่จริงๆ
ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะเข้ากันดีกับฉัน
และฉันดีใจที่มีเวลาหยุดพัก เพราะฉันรักในสิ่งที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้
เธอทำให้ฉันหนาวสั่น และฉันจินตนาการถึงตอนที่เธอจากไปไม่ได้เลย
ถ้าฉันสามารถสร้างคนที่สมบูรณ์แบบได้สักคน พูดตามตรงคนๆนั้นคือเธอนั่นแหละ
และเธอรู้มั้ย ไม่มีใครรู้จักเธอดีเท่าฉันอีกแล้ว
ฉันอดใจรอที่จะกลับบ้านมาไม่ไหวแล้ว เพราะฉันจะได้กอดเธอสักที



Something happens when I hold her
She keeps my heart from getting older
When the days get short and the nights get a little bit colder
We hold each other
We hold each other
We hold each other, mmm
We hold each other
We hold each other
We hold each other, mmm


บางสิ่งเกิดขึ้นยามที่ฉันโอบอุ้มเธอ
เธอรักษาหัวใจของฉัน เธอทำให้มันไม่แก่ขึ้นเลย
เมื่อกลางวันนั้นสั้นลง และยามราตรีที่หนาวขึ้นกว่าเดิม
เราโอบกอดกันไว้
เราโอบกอดกันไว้
เราโอบกอดกันไว้ อืมม





Songwriters:
Romer-Friedman, Daniel / Vaccarino, Chad / Axel, Ian.
© Lyrics © Kobalt Music Publishing Ltd






วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แปลเพลง Hello by Adele

   





   Hello!! สวัสดีวันจันทร์สดใสค่ะ ฮ่าๆๆ เช่นเคยค่ะ วันนี้มีหนึ่ง single เพราะๆมานำเสนอ นั่นก็คือ เพลง Hello จากนักร้องสาวเสียงทรงพลังแห่งเมืองผู้ดี Adele นั่นเองค่ะพี่น้อง เพลงนี้พึ่งจะปล่อยเมื่อสามวันที่แล้วเองค่ะ ตอนนี้ยอดวิวใน Youtube พุ่งสูงถึง 65 ล้านวิวแล้วค๊าาาา อะไรจะปานน้านน อาจเป็นเพราะเพลงนี้เป็นเพลงเปิดอัลบัมใหม่ "25" ซึ่งเป็นอัลบัมที่ 3 ของเธอ และเป็นการกลับมาอีกครั้งตั้งแต่เพลง Skyfall เมื่อปี 2012 นั่นเองค่ะ นอกจากนั้นแล้ว เพลงนี้เธอยังแต่งเองร่วมกับ Greg Kurstin ค่ะ
เธออธิบายว่า "เพลงนี้เป็นการฝ่าฟันอันยิ่งใหญ่ในการแต่งเพลงของฉัน เพราะว่า,มันค่อนข้างจะเชื่องช้า และหลังจากที่ฉันร่วมงานกับ Greg Kurstin ความรู้สึกทั้งหลายของฉันก็พลั่งพลูออกมา"

"This song was a massive breakthrough for me with my writing because it'd been pretty slow up to this point, and I felt after I worked with Greg Kurstin on this, it all poured right out of me."

— Adele, speaking with Jenny Eliscu and Zane Loweabout "Hello".[5]







ADELE


"Hello"


Hello, it's me
I was wondering if after all these years you'd like to meet
To go over everything
They say that time's supposed to heal ya, but I ain't done much healing

Hello, can you hear me?
I'm in California dreaming about who we used to be
When we were younger and free
I've forgotten how it felt before the world fell at our feet

สวัสดี นี่ฉันเองนะ
ฉันสงสัยจัง ว่าหลังๆหลายปีมานี้คุณอยากจะเจอฉัน
และคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆบ้างมั้ย?
ใครๆก็พูดว่าเวลานั่นแหละที่จะช่วยรักษาคุณ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย

สวัสดี คุณได้ยินฉันบ้างไหม?
ฉันกำลังอยู่ในความฝัน ฝันว่าเมื่อก่อนเราเคยเป็นอย่างไร
เมื่อตอนที่เรายังเด็กและมีอิสระเสรี
ฉันลืมไปแล้วว่าความรู้สึกมันเป็นยังไงนะ ก่อนที่โลกใบนี้ได้พังสลายลงอย่างนี้




There's such a difference between us
And a million miles

ระหว่างเรา มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ช่างห่างไกลกันเหลือเกิน



Hello from the other side
I must've called a thousand times
To tell you I'm sorry for everything that I've done
But when I call you never seem to be home

เฮ้ สวัสดี ฉันทักทากคุณจากอีกฟากฝั่งนึง
ฉันร้องเรียกคุณเป็นพันๆครั้งๆ เพื่อที่จะบอกว่า
ฉันขอโทษ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำลงไป
แต่เวลาที่ฉันเรียกหาคุณ ดูเหมือนคุณจะไม่ได้อยู่ที่บ้านเลยนะ



Hello from the outside
At least I can say that I've tried
To tell you I'm sorry for breaking your heart
But it don't matter, it clearly doesn't tear you apart
Anymore

ฉันทักทายคุณจากอีกฟากฝั่งนั้น
อย่างน้อยที่สุดฉันสามารถพูดได้ว่าฉันพยายามแล้ว
ที่จะบอกคุณว่า ฉันขอโทษที่ทำร้ายจิตใจของคุณ
แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรแล้วแหละ เพราะเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกอะไรอีกแล้ว




Hello, how are you?
It's so typical of me to talk about myself, I'm sorry
I hope that you're well
Did you ever make it out of that town where nothing ever happened?

สวัสดี คุณเป็นอย่างไรบ้างนะ
มันก็เป็นปกติของฉันเองที่พูดถึงแต่เรื่องของตัวเอง ฉันขอโทษ
ฉันหวังว่าคุณจะสบายดีนะ
คุณได้ออกมาเที่ยวข้างนอกบ้างมั้ย? ที่ๆสงบไม่มีเรื่องวุ่นวาย



It's no secret that the both of us
Are running out of time

มันชัดเจนแล้วว่าเวลาของเราทั้งสอง ได้หมดลงไปแล้ว



So hello from the other side
I must've called a thousand times
To tell you I'm sorry for everything that I've done
But when I call you never seem to be home

เพราะงั้น ฉันจึงทักทายคุณจากจากฟากฝั่งนี้
ฉันร้องเรียกคุณเป็นพันๆครั้งๆ เพื่อที่จะบอกว่า
ฉันขอโทษ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำลงไป
แต่เวลาที่ฉันเรียกหาคุณ ดูเหมือนคุณจะไม่ได้อยู่ที่บ้านเลยนะ

Hello from the outside
At least I can say that I've tried
To tell you I'm sorry for breaking your heart
But it don't matter, it clearly doesn't tear you apart
Anymore, ooooohh
Anymore, ooooohh
Anymore, ooooohh
Anymore, anymore

ฉันทักทายคุณจากอีกฟากฝั่งนั้น
อย่างน้อยที่สุดฉันสามารถพูดได้ว่าฉันพยายามแล้ว
ที่จะบอกคุณว่า ฉันขอโทษที่ทำร้ายจิตใจของคุณ
แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรแล้วแหละ เพราะเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกอะไรอีกแล้ว
ไม่อีกแล้ว โอ้เย้
ไม่อีกแล้ว โอ้เย้ 


Hello from the other side
I must've called a thousand times
To tell you I'm sorry for everything that I've done
But when I call you never seem to be home

สวัสดี ฉันทักทากคุณจากอีกฟากฝั่งนึง
ฉันร้องเรียกคุณเป็นพันๆครั้งๆ เพื่อที่จะบอกว่า
ฉันขอโทษ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำลงไป
แต่เวลาที่ฉันเรียกหาคุณ ดูเหมือนคุณจะไม่ได้อยู่ที่บ้านเลยนะ



Hello from the outside
At least I can say that I've tried
To tell you I'm sorry for breaking your heart
But it don't matter, it clearly doesn't tear you apart
Anymore

ฉันทักทายคุณจากอีกฟากฝั่งนั้น
อย่างน้อยที่สุดฉันสามารถพูดได้ว่าฉันพยายามแล้ว
ที่จะบอกคุณว่า ฉันขอโทษที่ทำร้ายจิตใจของคุณ
แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรแล้วแหละ เพราะเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกอะไรอีกแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แปลเพลง Hero by Family of the year


    

         วันนี้ได้รับการแนะนำเพลงจากสาวชาวเขาคนนึงค่ะ เป็นเพลงที่น่าสนใจทีเดียว ชื่อเพลง hero ค่ะ ร้องโดยวงอเมริกันอินดี้ร็อก นามว่า Family of the year ค่า เพลงนี้ถูกใช้ประกอบภาพยนต์เรื่องดังหลายๆเรื่องเลยหล่ะค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่อง boy hood นั่นเองเงงๆๆๆ ไปลองฟังกันดูเลยค่าาา






FAMILY OF THE YEAR


"Hero"


Let me go
I don't wanna be your hero
I don't wanna be a big man
Just wanna fight with everyone else
Your masquerade
I don't wanna be a part of your parade
Everyone deserves a chance to
Walk with everyone else

ปล่อยฉันไปเถอะ
ฉันไม่ได้ต้องการที่จะเป็นวีรบุรุษของคุณ
ฉันไม่ได้อยากจะเติบโตเป็นชายหนุ่มแข็งแรง
ฉันเพียงแค่ต้องการต่อสู้ไปพร้อมกับคนอื่นๆนั่นแหละ
หน้ากากที่ปกปิดตัวตนของเธออยู่
ฉันไม่อยากจะเป็นหนึ่งในพาเหรดของเธอหรอกนะ
ทุกๆคนสมควรที่จะได้รับโอกาส
ที่จะเดินร่วมกันกับคนอื่นๆ (โดยไม่ต้องสวมหน้ากากนั่น)




While holding down
A job to keep my girl around
And maybe buy me some new strings
And her a night out on the weekend
And we can whisper things
Secrets from our American dreams
Baby needs some protection
But I'm a kid like everyone else

ขณะที่ฉันกำลังก้มหน้าก้มตา
ทำงานเพื่อที่จะให้คนรักยังอยู่กับฉัน
และบางครั้งฉันอาจจะซื้อสายกีต้าร์อันใหม่
และพาเธอออกไปเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์
แล้วเราจะได้กระซิบบอกกัน
ถึงความฝันที่แบบเด็กอเมริกันที่ทุกคนโหยหา
เด็กทุกๆคนย่อมอยากได้รับการปกป้อง
แต่ฉันก็เป็นเด็กเหมือนคนอื่นๆนั่นแหละ


So let me go
I don't wanna be your hero
I don't wanna be a big man
I Just wanna fight like everyone else

Oh


เพราะงั้น ปล่อยฉันไปเุถอะนะ
ฉันไม่ได้อยากจะเป็นฮีโร่ของคุณ
ฉันไม่ได้อยากจะโตไปเป็นชายหนุ่มที่แข็งแรง
ฉันก็แค่อยากจะต่อสู้ เหมือนคนอื่นๆแค่นั้นเอง

โอ้ววว







Writer(s): Joe Keefe
Copyright: Joseph Keefe Music

แปลเพลง Like I'm Gonna Lose You by Meghan Trainor ft. John Legend




               สวัสดีค่ำคืนวันอาทิตย์ค่ะ ดื่มด่ำกับวันหยุดสุดสัปดาห์กันเต็มอิ่มแล้วก็เตรียมตัวต้อนรับวันจันทร์ที่จะถึงด้วยเพลงนี้ค่ะ "Like I'm Gonna Lose You" เพลงความหมายดีๆจากนักร้องอเมริกันหน้าใหม่แห่งปีกับ Megan Trainor และ John Legend กันค่ะ แหม่ เนื้อหาของเพลงก็ช่างตรงกับค่ำคืนวันอาทิตย์จริงจริ๊งง "เหมือนกับที่ฉันกำลังจะสุญเสียเธอไป" นะวันหยุดแสนสำราญ T_T เพลงนี้อยู่ในอัลบัม  Title  (2015) ค่ะ โดย Megan เองเนี่ยก็ร่วมแต่งเพลงนี้เองค่ะท่านผู้ช้มม ปรบมือรัวๆ ไปฟังกันดูเล้ยยย







Like I'm Gonna Lose You - Meghan Trainor ft. John Legend




I found myself dreaming

In silver and gold

Like a scene from a movie

That every broken heart knows

we were walking on moonlight

And you pulled me close

Split second and you disappeared and then I was all alone

ฉันพบว่าตัวเองกำลังฝัน
อยู่ในที่ๆเต็มไปด้วยเงินและทองคำ
เสมือนอยู่ในฉากของหนังสักเรื่อง
ที่คนอกหักทุกๆคนรู้ดี
เรากำลังก้าวเดินท่ามกลางแสงจันทร์ แล้วคุณก็ดึงฉันเข้ามาใกล้ๆ
ในชั่วพริบตา คุณก็หายไป ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวเพียงลำพัง




I woke up in tears

With you by my side

A breath of relief

And I realized

No, we're not promised tomorrow

แล้วฉันก็ตื่นขึ้นมากับคราบน้ำตา
พร้อมกับคุณอยู่ที่อยู่ข้างๆฉัน
ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แล้วฉันก็เริ่มเข้าใจ
ไม่มีเลย ไม่มีสิ่งใดที่จะการันตีวันพรุ่งนี้ของเราได้เลย




So I'm gonna love you

Like I'm gonna lose you

I'm gonna hold you

Like I'm saying goodbye wherever we're standing

I won't take you for granted 'cause we'll never know when

When we'll run out of time so I'm gonna love you

Like I'm gonna lose you

I'm gonna love you like I'm gonna lose you

เพราะงั้นฉันจึงจะรักคุณ เหมือนว่าฉันกำลังจะสูญเสียคุณไป
ฉันจะโอบกอดคุณเอาไว้ เหมือนว่าฉันกำลังจะบอกลาจากกันไป
ฉันจะไม่ละเลยทอดทิ้งคุณ เพราะว่าเราไม่รู้หรอกว่า
เมื่อไหร่เวลาของเราจะหมดลงไป
เพราะงั้น ฉันจะรักคุณ เหมือนว่าฉันกำลังจะสุญเสียคุณไป
จะรักคุณ เหมือนว่าฉันจะสูญเสียคุณไป



[John Legend:]

In the blink of an eye

Just a whisper of smoke

You could lose everything

The truth is you never know

เพียงชั่วพริบตาเดียว
เพีบงแค่เสียงกระซิบของหมอกควัน
คุณสามารถที่จะสุญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป
ความจริงก็คือ คุณไม่มีวันล่วงรู้ได้เลย




So I'll kiss you longer baby

Any chance that I get

I'll make the most of the minutes and love with no regrets

เพราะงั้น ฉันจะจูบคุณให้ยาวนานขึ้น
ทุกๆโอกาสที่ฉันมี
ฉันจะทำทุกๆนาทีให้มีค่า และฉันจะรักคุณแบบที่ไม่มีข้อกังขาใดๆ



Let's take our time

To say what we want

Use what we got

Before it's all gone

'Cause no, we're not promised tomorrow

เรามาร่วมกันค่อยๆใช้เวลาที่เรามี
พูดมันออกมาสิ่งที่คุณต้องการ
ใช้ทุกๆสิ่งที่เรามี 
เพราะว่าไม่มีเลย ไม่มีสิ่งใดเลยมารับประกันวันพรุ่งนี้ของเรา




[Both:]

So I'm gonna love you

Like I'm gonna lose you

I'm gonna hold you

Like I'm saying goodbye wherever we're standing

I won't take you for granted 'cause we'll never know when

When we'll run out of time so I'm gonna love you

Like I'm gonna lose you

I'm gonna love you like I'm gonna lose you


เพราะงั้นฉันจึงจะรักคุณ เหมือนว่าฉันกำลังจะสูญเสียคุณไป
ฉันจะโอบกอดคุณเอาไว้ เหมือนว่าฉันกำลังจะบอกลาจากกันไป
ฉันจะไม่ละเลยทอดทิ้งคุณ เพราะว่าเราไม่รู้หรอกว่า
เมื่อไหร่เวลาของเราจะหมดลงไป
เพราะงั้น ฉันจะรักคุณ เหมือนว่าฉันกำลังจะสุญเสียคุณไป
จะรักคุณ เหมือนว่าฉันจะสูญเสียคุณไป



Hey

Whoa








Writer(s): Justin Michael Weaver, Caitlyn Elizabeth Smith
Copyright: Music Of Stage Three, Music Of The Corn, Songs Of Cornman, WB Music Corp.

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แปลเพลง Closer by Travis

        



             สวัสดีวันเสาร์ค่าา วันนี้มาพบกับอีกหนึ่งบทเพลงความหมายดีจากหนุ่มๆ(ที่ไม่หนุ่มแล้ว) Travis วงร็อกชาวสก๊อต (Scottish) กันค่ะ ขอเสนอเพลง Closer ที่แปลว่า ใกล้ขึ้นมา ค่ะ เพลงนี้อยู่ในอัลบัม The Boy With No Name (2007) ค่ะ เพลงนี้คนแต่งบอกว่า เค้าแต่งเพื่อสื่อถึงคู่รักที่อยู่ด้วยกันมาสักพักแล้ว ความหวานของทั้งคู่ก็เริ่มจะจืดจางลงค่ะ ดังนั้นสิ่งที่ควรจะทำก็คือ ควรใส่ใจกันมากขึ้น และชื่นชมอีกฝ่ายค่ะ ให้ความรักกลับมาหอมหวานอีกครั้งค่ะ

he said, was written to express that thing that happens between people, couples that have been together for a while and start to lose that spark, and that need to just put that extra effort into the relationship, appreciating the other person and just falling back in love with them

*แอบรู้มานะคะ ว่าวงนี้เนี่ย เป็นวงตำนานต้นแบบวงดังๆในยุคนี้คือ วง Coldplay, Snow patrol และก็ Keane ค่า ว้าววว สุดยอดไปเลยหล่ะค่ะท่านผู้ช้มมม

ลองไปฟังเพลงกันเลยค่าาา






"Closer"


I've had enough, of this parade.
I'm thinking of, the words to say.
We open up, unfinished parts,
Broken up, its so mellow.
And when I see you then I know it will be next to me
And when I need you then I know you will be there with me
Ill never leave you...

ฉันเบื่อเหลือเกินกับเรื่องมากมายที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน
ฉันคิดถึงถ้อยคำที่ฉันจะพูดมันออกมา
เราเริ่มต้นมา กับส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ 
แล้วก็หยุดมัน เพื่อให้มันกลมกล่อม
และเมื่อฉันมองไปที่คุณ ฉันรู้ว่าคุณจะอยู่ข้างๆฉันเสมอ
และเมื่อฉันต้องการคุณ ฉันรู้ว่าคุณจะอยู่ที่นั่นกับฉัน
ฉันจะไม่มีวันทิ้งคุณ


Just need to get closer, closer,
Lean on me now,
Lean on me now,
closer, closer,
Lean on me now,
Lean on me now.

แค่ต้องการอยู่ใกล้ๆกัน ใกล้กันขึ้นมาอีกได้มั้ย
เอียงลงมาซบที่ไหล่ฉัน
ใกล้กันอีกได้มั้ย
แล้วเอียงตัวลงมาซบที่ไหล่ของฉัน


Keep waking up (waking up), without you here (without you here).
Another day (another day), another year (another year).
I seek the truth (seek the truth), we set apart (we set apart)
Thinking of a second chance (a second chance).

ฉันเดินต่อไป (เดินต่อไป) โดยที่ไม่มีคุณ (ไม่มีคุณอยู่ด้วย)
วันแล้ววันเล่า (วันเดือนผ่านไป) ปีแล้วปีเล่า (เดือนปีผ่านไป)
ฉันยังมองหาความจริง (หาความจริง) อะไรนะทำให้เราต้องแยกจากกัน (แยกจากกัน)
คิดว่าฉันจะมีโอกาสแก้ตัวมั้ยนะ 


And when I see you then I know it will be next to me
And when I need you then I know you will be there with me
Ill never leave you...

และเมื่อฉันมองไปที่คุณ ฉันรู้ว่าคุณจะอยู่ข้างๆฉันเสมอ
และเมื่อฉันต้องการคุณ ฉันรู้ว่าคุณจะอยู่ที่นั่นกับฉัน
ฉันจะไม่มีวันทิ้งคุณ....


Writer(s): Francis Healy
Copyright: Sm Publishing Uk Limited

แปลเพลง Masterpiece by Jessie J



 วันนี้มารู้จักกับอีกหนึ่งบทเพลงดังของนักร้องเสียงทรงพลังคนนี้ค่ะ Jessie J นั่นเอง ขอเสนอ single ในอับลัม Sweet Talker ของเธอค่ะ ชื่อเพลง Masterpiece ที่แปลว่า ผลงานชิ้นโบว์แดงค่ะ เพลงนี้มีเนื้อหาน่าสนใจมากค่ะ เป็นบทเพลงให้กำลังใจดีๆอีกหนึ่งบทเพลงที่น่าฟังเชียวค่ะ


ลองฟังกันดูค่ะ






"Masterpiece"


So much pressure
Why so loud?
If you don't like my sound
You can turn it down
I got a road
And I walk it alone

กดดันอะไรขนาดนี้ ทำไมต้องทำเสียงดังด้วย
ถ้าคุณไม่ชอบเสียงของฉัน คุณก็แค่ลดเสียงลงซะ
ฉันมีทางของฉัน แล้วฉันก็เดินทางนั้นด้วยตัวฉันเอง


Uphill battle
I look good when I climb
I'm ferocious, precocious
I get braggadocios
I'm not gonna stop
I like the view from the top (Yeah)

ในการแข่งขันปีนเขา ฉันดูดีเวลาที่ฉันปีนมันขึ้นไป
ฉันแข็งแกร่ง ฉันฉลาดกว่าคนอื่นๆ
แล้วฉันก็เริ่มชอบที่จะโชว์ด้วย
ฉันจะไม่หยุดมันหลอกนะ เพราะฉันชอบวิวที่มองจากข้างบนนี้ซะจริงๆเลย


You talk that blah blah, that la la, that rah rah shit
And I'm so done, I'm so over it
Sometimes I mess up, I f*$% up, I hit and miss
But I'm okay, I'm cool with it

คุณมีแต่พูดนั่น โน่น นี่
ฉันเบื่อแล้ว ฉันพอแล้ว
บางครั้งฉันเองก็สับสน ให้ตายสิ ฉันสู้บ้างพลาดบ้าง
แต่มันก็โอเคนะ ฉันเอาอยู่


I still fall on my face sometimes
And I can't colour inside the lines
'Cause I'm perfectly incomplete
I'm still working on my masterpiece
And I, I wanna hang with the greats
Got a way to go, but it's worth the wait
No, you haven't seen the best of me
I'm still working on my masterpiece


ฉันก็ยังคงทำผิดพลาดบ้างในบางครั้ง 
แล้วฉันก็ ไม่สามารถจะอยู่ในกรอบได้หรอกนะ
เพราะว่าฉันสมบูรณ์แบบไปซะหมดทุกอย่างหรอก
ฉันก็กำลังสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันอยู่นี่ไง
ฉันอยากจะเป็นผลงานที่แขวนอยู่บนหิ้งที่ดีที่สุด
ยังต้องทำอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะรอคอยใช่มั้ยหละ
คุณยังไม่เคยเห็นผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันนี่
เพราะฉันกำลังสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันอยู่นี่ไง


Oooh, oooh
Oooh, aaah
Oooh, oooh
Oooh, aaah

โอ้เย้

Those who mind don't matter
Those who matter, don't mind
If you don't catch what I'm throwing
Then I'll leave you behind

ใครจะคิดยังไงก็ไม่สำคัญหรอก
เรื่องของคนอื่น ก็ไม่ต้องไปกังวลหรอก
ถ้าคุณไม่รับเอาในสิ่งที่ฉันให้ไป
ฉันจำเป็นต้องทิ้งคุณไว้ข้างหลังนะ

Gone in a flash
And I ain't living like that

ฉันจะไปอย่างรวดเร็วเลยหละ  ฉันไม่อยู่ตรงนั้นหลอดไปหรอกนะ


They talk that blah blah, that la la, that rah rah shit
Roll with the punches, and take the hits
Sometimes I mess up, I f*$% up, I swing and miss
But it's okay, I'm cool with it

พวกเค้ามีแต่พูดนั่น โน่น นี่
มัวเมากับการต่อยนั่น แล้วก็ต่อสู้กัน
บางครั้งฉันเองก็สับสน ให้ตายสิ ฉันสู้เค้าบ้างพลาดบ้าง
แต่มันก็โอเคนะ ฉันเอาอยู่


I still fall on my face sometimes
And I can't colour inside the lines
'Cause I'm perfectly incomplete
I'm still working on my masterpiece
And I, I wanna hang with the greats
Got a way to go, but it's worth the wait
No, you haven't seen the best of me
I'm still working on my masterpiece

หน้าฉันดูเหมือนคนที่ทำพลาดในบางครั้ง
แล้วฉันก็ ไม่สามารถจะอยู่ในกรอบได้หรอกนะ
เพราะว่าฉันสมบูรณ์แบบไปซะหมดทุกอย่างหรอก
ฉันก็กำลังสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันอยู่นี่ไง
ฉันอยากจะเป็นผลงานที่แขวนอยู่บนหิ้งที่ดีที่สุด
ยังต้องทำอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะรอคอยใช่มั้ยหละ
คุณยังไม่เคยเห็นผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันนี่
เพราะฉันกำลังสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันอยู่นี่ไง




Writer(s): Brittany Burton, Joshua Berman, Emily Schwartz
Copyright: Where Da Kasz At?, Blue Mailbox Music, Britt Burton Songs, Under Warrenty Publishing

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แปลเพลง Preacher by OneRepublic

        วันนี้จะมาแปลเพลงของศิลปินเจ้าเดิมค่ะ OneRepublic นั่นเอง ฮ่าๆๆ วงโปรดของเราเลย เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงที่เพราะและความหมายดีมากๆค่ะ ชื่อ Preacher ที่แปลว่านักเทศน์ค่ะ เพลงนี้อยู่ในอัลบัม Native ค่ะ แต่งโดย Ryan Tedder และพ่อหนุ่ม Brent Kutkle เจ้าเดิม เนื้อเพลงพูดถึงคุณตา รึปู่ก็ไม่แน่ใจค่ะ ของไรอัน เค้าเป็นคนดีมากๆ และคอยสั่งสอนไรอันมาตั้งแต่เด็กค่ะ จนเค้าคิดว่าคุณตาของเค้านั้นเป็นเหมือนกับนักเทศน์ค่ะ ที่สอนแต่สิ่งที่ดีให้กับเค้า เค้าจึงแต่งเพลงนี้ให้กับคุณตาของเค้า และคุณปู่ คุณตาของทุกๆคนค่ะ


ไปลองฟังกันดูค่ะ








When I was a kid, I used to buy and sell gravity
I knew how to fly, and I would teach you for a fee
Broke every window in my hotel heart
When I was only 5 years old, the 12 years scar
But I'd hear the same voice echo in my mind
Said "son you got an angel, to chase the devil at night", yeah

ตอนที่ยังเป็นเด็ก ฉันเคยเล่นกับแรงโน้มถ่วง
ฉันรู้วิธีที่จะโบยบิน แล้วฉันสอนเธอได้นะถ้ามีค่าจ้างหนะ
มันทำลายหน้าต่างทุกๆบานในหัวใจของฉัน
ตอนที่ฉันอายุได้แค่ 5 ขวบ มันเป็นรอยแผลในใจฉันมา 12 ปีแล้ว
แต่ก็มีเสียงๆนึง เป็นเสียงเดิมที่ดังก้องอยู่ในหัวของฉัน
บอกว่า "เด็กน้อย เจ้ามีนางฟ้าที่คอยขับไล่เหล่าปีศาจในยามราตรีนะ"



When I was a kid, my grandfather was a preacher
He'd talk about God, yeah he was something like a teacher
He said God only helps those
Who learn to help themselves
He was a million miles from a million dollars
But you can never spend his wealth

เมื่อฉันเป็นเด็ก คุณปู่ของฉันเป็นนักเทศน์
ท่านพูดถึงพระเจ้า ใช่แล้ว ท่านเป็นเหมือนกับคุณครูเลยหละ
ท่านบอกว่า "พระเจ้าหนะจะช่วยเหลือเฉพาะ คนที่เรียนรู้ที่จะช่วยตัวเองเท่านั้นแหละ"
ท่านห่างไกลจากความร่ำรวยมาก แต่ก็ไม่มีใครมีสมบัติแบบท่านเลย



I took a little faith, and put it in a parking lot
I drove to a strange town, full of "have" and "have nots"
Yeah, and as I walk through that storybook life
I'll be looking for an angel, to chase the devil at night, whoa

ฉันลองเชื่อสักหน่อย เหมือนกับการเข้าไปในลานจอดรถ
แล้วลองขับรถเข้าไปในเมืองที่แปลกประหลาด ที่เต็มไปด้วย "เคย" และ "ไม่เคย"
ใช่แล้ว และตอนที่ฉันเดินผ่านหนังสือชีวิตเหล่านั้น
ฉันก็กำลังมองหานางฟ้าของฉัน ที่สามารถขับไล่เหล่าปีศาจในยามราตรีได้นั่นไง โอ้เย้



When I was a kid, my grandfather was a preacher

He'd talk about love, yeah he was something like a teacher
He said God only helps those
Who learn to help themselves
He was a million miles from a million dollars
But you can never spend his wealth

เมื่อฉันเป็นเด็ก คุณปู่ของฉันเป็นนักเทศน์
ท่านพูดถึงพระเจ้า ใช่แล้ว ท่านเป็นเหมือนกับคุณครูเลยหละ
ท่านบอกว่า "พระเจ้าหนะจะช่วยเหลือเฉพาะ คนที่เรียนรู้ที่จะช่วยตัวเองเท่านั้นแหละ"
ท่านห่างไกลจากความร่ำรวยมาก
แต่ก็ไม่มีใครมีสมบัติแบบท่านเลย



Wave, put your hands up, and hands down

Wave, put your hands up, and hands down
Wave, put your hands up, and hands down

โบกมือไปมา ชูมือขึ้นเอ้า เอามือลงๆๆๆ



แปลเพลง Bubbly by Colbie Caillat

     


เมื่อวานนั่งลิสเพลงที่จะแปลได้เยอะเลย คือจริงๆแล้วคนแปลเพลงก็เยอะอยู่นะ แต่ก็อยากลองแปลเพลงเองดูบ้าง บางทีไอ้ที่เราแปลได้มันไม่ได้สวยเหมือนของคนอื่นหรอก แต่เป็นแบบที่เราเข้าใจไง เราฟังเพลงแล้วรู้สึกแบบนี้นะ บางทีแปลเป็นภาษาไทยมันไม่สวยแบบสำนวนฝรั่งเอาซะเลย แต่ก็ลองแปลให้มันใกล้เคียงที่สุดแล้วกัน ^_^

       อยู่ๆก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาค่ะ Bubbly เป็นเพลงรักฟังสบายๆแต่งและร้องโดยศิลปินเพลงรักอย่าง Colbie Caillat ค่ะ เป็นเพลงเปิดตัวในอัลบัม Coco นั่นเอง เพลงของเธอที่เพราะๆติดหูในอัลบัมนี้อีกเพลงก็คือเพลง Realize (รู้ซึ้งแล้ว) ค่ะ
     เพลงนี้ Colbie Caillat ไม่ได้แต่งขึ้นให้ใครเป็นพิเศษค่ะ  เธอบอกว่าเธอเขียนขึ้นเพราะเวลาที่เราเจอใครสักคนที่เราปิ๊ง (crush) ขึ้นมา มันรู้สึกปั่นป่วนท้อง เหมือนมีผีเสื้อมาบินในท้องค่ะ (butterflies in someone stomach ) และนั่นก็ทำให้เรายิ้มได้ค่าาา ฮิ้ววว หวานซะ  

 "I didn't write "Bubbly" for any [special] guy. I wrote it about the feelings you get when you have a crush on somebody, and when they give you butterflies in your stomach and they just make you smile."


ลองไปฟังกันดูเลยยย



 

I've been awake for a while now. 
You've got me feeling like a child now. 
Cause every time I see your bubbly face. 
I get the tingles in a silly place.

ฉันตื่นมาได้สักพักละหละ เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเด็กไปเลยเพราะว่าทุกๆครั้งที่ฉันเห็นหน้าแจ่มๆของเธอ มันก็รู้สึกจักจี้แปลกๆเลยหละ


         It starts in my toes Makes me crinkle my nose. 
Where ever it goes I always know 
That you make me smile Please stay for a while now. 
Just take your time 
Where ever you go.

มันเริ่มจากที่นิ้วเท้าของฉัน และทำให้ฉันต้องย่นจมูกเลย (ยิ้มกว้างจนจมูกย่นเลย)
ไม่ว่าเธอจะไปไหน ฉันก็จะรู้ทั้งนั้นแหละ
เพราะเธอทำให้ฉันยิ้มนะ ได้โปรดหละ
อยู่ต่อสักพักเถอะนะ ไม่ต้องรีบไปไหนหรอก




The rain is falling on my window pane. 
But we are hiding in a safer place. 
Under the covers staying dry and warm. 
You give me feelings that I adore. 

สายฝนตกแล้วไหลลงที่หน้าต่าง
แต่เราซ่อนตัวอยู่ในที่ปลอดภัยกันแล้วนะ
อยู่ภายใต้ที่ๆแห้งและอบอุ่น
และเธอนั่นแหละที่ทำให้ฉันรู้สึกพิเศษอะไรแบบนี้


( * )  What am I gonna say. When you make me feel this way.
I just um

 ที่ฉันจะบอกก็คือ เธอนั่นแหละ เวลาที่เธอทำทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น ฉันก็แค่..



( * )  I’ve been asleep for a while now.   
You tucked me in just like a child now. 
Cause every time you hold me in your arms. 
I’m comfortable enough to feel your warmth.

ฉันนอนหลับมาได้สักพักแล้วแหละ
 เธอประคองกอดฉันไว้อย่างกับฉันเป็นไอ้เด็กน้อย
เพราะทุกๆครั้งที่เธอกอดฉันไว้ในวงแขนของเธอ
ฉันรู้สึกสึกสบายจนรู้สึกถึงความอบอุ่นของเธอเลยหละ




It starts in my soul. And I lose all control. 
When you kiss my nose, The feeling shows. 
Cause you make me smile Baby just take your time 
Holding me tight.

มันเริ่มแผ่ซ่านจากข้างในตัวฉัน
แล้วฉันก็เริ่มรู้เสียการควบคุมเลยหละ                      
ตอนที่เธอจุ๊บจมูกของฉันนะ ฉันรู้สึกว่า
เป็นเธอนั่นแหละ ที่ทำให้ฉันยิ้มได้ ที่รัก
ไม่ต้องรีบนะ กอดฉันแน่นๆก็พอ




 Where ever, where ever, where ever you go 
Where ever, where ever, where ever you go 
Where ever you go always know. 
You make me smile just for a while.

ไม่ว่าที่ไหน ทุกๆที่ ทุกๆที่ ที่เธอไป รู้ไว้นะ เธอทำให้ฉันยิ้มได้ ^_^


แปลเพลง (They long to be) close to you by the carpenters



เย้ๆ วันนี้มีคนแนะนำเพลงๆนึงมาค่ะ เป็นเพลงของ The Carpenters ค่ะ 
เรา คงจะคุ้นเคยชื่อของศิลปินช่างไม้ยุค 70s วงนี้มาบ้างนะคะ เพลงเพราะๆที่คุ้นหูเราก็มี Yesterday onec more, Top of the world, rainy days and mondays วันนี้ขอนำเสนออีกหนึ่งเพลงฮิตของวงนี้ค่ะ ชื่อ (They long to be) close to you ค่ะ





ลองฟังกันดูค่ะ


แปลเพลง (They Long To Be) Close To You

Why do birds suddenly appear, ev'ry time you are near?
Just like me, they long to be close to you.
Why do stars fall down from the sky, ev'ry time you walk by?
Just like me, they long to be close to you.

ทำไมนะ เหล่าบรรดานกอยู่ถึงได้บินออกมา ทุกๆครั้งที่คุณอยู่ใกล้
ก็คงเหมือนฉันนั่นแหละ ที่อยากจะอยู่ใกล้ๆกับคุณนั่นไง
แล้วทำไมนะ ดวงดาวทั้งหลายถึงได้ตกลงมาจากฟากฟ้า ทุกครั้งทุกคราที่คุณเดินผ่าน
ก็คงจะเหมือนฉันอีกนั่นแหละ ที่อยากจะได้อยู่ใกล้กับคุณ

On the day that you were born the angels got together.
And decided to create a dream come true.
So, they sprinkled moon dust in your hair of gold,
And star-light in your eyes of blue.
That is why all the girls in town follow you all around.
Just like me, they long to be close to you...

ตั้งแต่วันที่คุณได้เกิดมา เหล่าเทวดานางฟ้าก็มารวมตัวกัน
และได้บันดาลให้ความฝันนั้นเป็นจริง
พวกเค้าบันดาลผมสีทองของคุณให้ประกายด้วยธุลีของดวงจันทร์
และนัยตาสีฟ้าด้วยแสงสว่างแห่งดวงดาว
เพราะเหตุนี้ไงสาวๆทั้งหลายในเมืองถึงได้พากันติดตามคุณไปทุกที่
ก็เพราะเหมือนฉันนี่ไง ที่อยากจะอยู่ใกล้ๆกับคุณ

แปลเพลง Wanted by OneRepublic

          สวัสดีวันเสาร์สดใสค่ะ เมื่อวานนี้มีข่าวดีของวงโปรดของเราพึ่งจะออก single ใหม่มาค่ะ ก็คือเพลง wanted นั่นเอง เป็นซิงเกิลที่ 2...

หน้าเว็บ