วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

แปลเพลง 11 Blocks by Wrabel







          "สิบเอ็ดช่วงตึก ระยะทางจากบ้านของผมถึงหน้าประตูของเธอ" ใครบางคนทำให้เราดั้นด้นพยายามทำทุกอย่างเพียงเพื่อไปเห็นหน้าเธอคนนั้น ฟังเพลงนี้แล้วเราชอบมากเลยค่ะ เข้าใจความรู้สึกเวลาที่หลงรักใครสักคนเลยค่ะ ลองไปฟังดูค่ะ






11 Blocks by Wrabel

[Verse 1]
11 blocks from my door to your doorstep
Three years later and it feels too close
I thought I broke the last of that breakdown
The morning I sold your winter coat
It doesn't feel right when I'm grabbing a coffee
The same old spot, but I'm on my own
I feel OK in the day, but at nighttime
You know how I get when I'm alone

สิบเอ็ดช่วงตึก ระยะทางจากประตูบ้านผมไปถึงหน้าประตูบ้านของเธอ
ผ่านมาสามปีแล้ว และผมรู้สึกว่ามันช่างใกล้ขึ้นมาเหลือเกิน
ผมเคยคิดว่า ผมได้ทิ้งทุกชิ้นส่วนความทรงจำที่มีเธออยู่ไปแล้ว
ตั้งแต่เช้าวันที่ผมขายเสื้อโค๊ทของเธอทิ้งไป
รู้สึกเหมือนทะแม่งๆ ตอนที่ผมหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม
ตรงที่เดิมๆ แต่มีผมเพียงแค่คนเดียวแล้ว
ในตอนเช้าผมรู้สึกว่าตัวเองโอเค ผมสบายดี แต่พอตกค่ำหนะสิ
เธอก็รู้ว่าผมจะเป็นยังไง ตอนที่ผมต้องอยู่คนเดียว



[Chorus]
Cause my mind won't stop; it's just 11 blocks
I know that you're home
Cause it's Friday night; you're not that type
I know that you're home

เพราะว่าผมไม่สามารถจะหยุดคิดถึงมันได้เลย มันแค่สิบเอ็ดช่วงตึกเท่านั้น
ผมรู้ ว่าเธอจะอยู่ที่บ้าน
เพราะมันเป็นคืนวันศุกร์ และเธอก็ไม่ใช่คนประเภทนั้น (ที่ออกไปสังสรรค์คืนวันศุกร์)
ผมรู้อยู่เต็มอก ว่าเธอจะอยู่ที่บ้านนั่นแหละ



[Verse 2]
14 blocks from your door to this party
I caught myself counting on the way
And right when I stepped in the door to the party
I stepped outside to grab a smoke
You know how I get when I'm alone, no

มีงานปาร์ตี้ห่างไป 14 ช่วงตึกจากบ้านของเธอ
ผมตระหนักว่าผมกำลังเดินไปทางนั้น
และตอนที่ผมเดินตรงไปเหยียบผ่านเข้าประตูของงานปาร์ตี้นั้น
ผมเดินออกมาเพื่อที่จะหาสูบบุหรี่สักหน่อย
เธอก็รู้หนิ ว่าผมจะเป็นยังไง เมื่อผมต้องอยู่คนเดียว ไม่นะ




[Chorus]
Cause my mind won't stop; it's just 14 blocks
I know that you're home
Cause it's Friday night; you're not that type
I know that you're home
Someone stop me, please, from hurting myself
Cause I'm two blocks away and you're hurting my health
And it's Friday night; you're not that type
I know that you're home

เพราะว่าผมไม่สามารถจะหยุดคิดถึงมันได้เลย มันแค่สิบเอ็ดช่วงตึกเท่านั้น
ผมรู้ ว่าเธอจะอยู่ที่บ้าน
เพราะมันเป็นคืนวันศุกร์ และเธอก็ไม่ใช่คนประเภทนั้น (ที่ออกไปสังสรรค์คืนวันศุกร์)
ผมรู้อยู่เต็มอก ว่าเธอจะอยู่ที่บ้านนั่นแหละ
ใครก็ได้ ขอร้องหล่ะ ช่วยหยุดผมที หยุดผมจากการทำร้ายตัวเองอย่างนี้
เพราะเหลืออีกแค่สองช่วงตึก และเธอกำลังร้ายสุขภาพผมเนี่ย
และเพราะมันเป็นคืนวันศุกร์แห่งชาติ เธอไม่ใช่คนผู้หญิงประเภทนั้น
ผมรู้ว่าเธอจะอยู่ที่บ้านนั่นแหละ



[Post-Chorus]
Somebody stop me
I should be going home
Somebody stop me
Oh, yeah, yeah, yeah

ใครก็ได้หยุดผมที
ผมควรจะกลับบ้านไปได้ละ
ใครสักคน หยุดผมที
โอ้ว



[Bridge]
Well, I met someone
And I think I'm in love

เรื่องก็คือว่า ผมไปเจอใครคนนึงเข้า
และผมคิดว่าผมกำลังตกหลุมรักเข้าซะแล้ว



[Chorus]
But my mind won't stop; it's just 11 blocks
I know that you're home
Cause it's Friday night; you're not that type
I know that you're home
And, I met someone and I swear I'm in love
But I'm two blocks away and you're just like a drug
My mind won't stop; it's just 11 blocks
I know that you're home

แต่ผมไม่อาจหยุดคิดถึงมันได้เลย มันก็แค่สิบเอ็ดช่วงตึกเท่านั้น
ผมรู้ว่าคุณอยู่ที่บ้านนั่นแหละ
เพราะว่ามันเป็นคืนวันศุกร์ และคุณก็ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้น
ผมรู้อยู่เต็มอก คุณอยู่ที่บ้านนั่นแหละ
และ ผมคิดว่าผมเจอใครบางคน และผมสาบานได้เลยว่าผมกำลังตกหลุมรักเธอ
แต่เหลืออีกแค่สองบล็อคถึดไปแค่นั้น และคุณช่างเป็นเช่นดังเช่นสารเสพติดอย่างไรอย่างนั้น
จิตใจของผมไม่อาจอยู่สุขได้เลย ระยะทางเพียงแค่สิบเอ็ดช่วงตึกเท่านั้น
ผมรู้ว่าเธอจะอยู่ที่บ้านนั่นแหละ




[Post-Chorus]
I got somebody
Waiting for me at home
I got somebody
Oh, yeah, yeah, yeah

ผมมีใครบางคน
ที่กำลังรอผมอยู่ที่บ้าน
ผมมีใครบางคน
โอ้วว



[Outro]
11 blocks from my door to your doorstep
Three years later and it feels too close

สิบเอ็ดช่วงตึก ระยะทางจากประตูบ้านผมไปถึงหน้าประตูบ้านของเธอ
ผ่านมาสามปีแล้ว และผมรู้สึกว่ามันช่างใกล้ขึ้นมาเหลือเกิน

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

แปลเพลง Capsize by Frenship ft. Emily Warren



                 ยอมรับว่าเพลงนี้ติดหูตั้งแต่ฟังครั้งแรกเลยค่ะ ตอนแรกเราว่าเมโลดี้เพราะดี พอไปเปิดฟังอีกทีชอบเนื้อหาของเพลงมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก แหม เพลงนี้มักจิ๊กๆเจ็บแปร๊บๆยังไงชอบกลค่ะ Frenship เค้ากระซิบบอกว่า "เหล่าโปรดิวเซอร์ชาวสวีเดนได้สร้างบทเพลงแห่งความสุขปนเศร้าขึ้นมา มันคือการผสมผสานความรู้สึกที่คุณไม่ค่อยจะเข้าใจมันเท่าไหร่หรอก ทั้งด้านที่มันสร้างสรรค์และที่มืดหม่น เราชื่นชอบแนวเพลงที่มันสามารถรวมเอาความแตกต่างของความรู้สึกเหล่านั้นมาไว้ในเพลงๆเดียว"

"Swedish producers make happy-sad songs, where it’s a combinations of feelings you don’t quite understand—both uplifting and dark. We like that style of music that can wrap a bunch of different feelings into one song."

เนื้อหาของเพลงพูดถึงคู่รักเก่าที่กำลังถอยห่างกันหลังจากพึ่งแตกหักกันค่ะ แต่ว่าแต่ละท่อนของบทเพลงนี้นั้น สื่อความหมายไม่เหมือนกัน และไม่ต่อเนื่องกันด้วยค่ะ นั่นก็เพราะว่าคนแต่งเพลวนี้ตีความบทเพลงแตกต่างกันนั่นเองค่ะ ทำให้เพลงมีหลากหลายอารมณ์ และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ของเพลงนี้ค่ะ



ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเพลงนี้มีดีขนาดไหน ลองไปฟังกันเต็มๆดูค่ะ



Capsize
FRENSHIP

Featuring Emily Warren
Produced By Scott Hoffman & FRENSHIP
Album Truce EP



Hey-ey-ey-ey-yeah
Hey-ya, hey-ya, hey
Hey-ey-ey-ey-yeah
Hey-ya, hey-ya, hey

Up at night I'm awake 'cause it haunts me
That I never got to say what I wanted
Oh my God, oh my God
I'm not the same as I was with you
I would jump out my skin just to get you
Oh my God, oh my God

ผมตื่นขึ้นมากลางดึก ยังหลับไม่ลงเพราะบางสิ่งตามหลอกหลอนผมอยู่
มันก็คือ ผมจะไม่มีวันได้พูดในสิ่งที่ผมต้องการได้เลย
โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้า
ผมไม่ใช่คนๆเดิมกับตอนที่ผมอยู่กับเธอ
ผมยอมที่จะทำอะไรบ้าๆทุกสิ่งทุกอย่างหากมันจะทำให้ผมได้คุณคืนมา
โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้า



How could you have ever known
If I never let it show, now I just wanna know are you?

เธอจะไปรู้ได้ยังไง
ถ้าผมไม่ได้แสดงมันออกมาให้คุณได้รู้ และตอนนี้ผมอยากรู้ว่า คุณเป็น..?



I'm fine
Drop tears in the morning
Give in to the lonely
Here it comes with no warning
Capsize, I'm first in the water
Too close to the bottom
I'm right back where I started
Said I'm fine

ฉันสบายดี
ก็แค่น้ำตาที่มันไหลรินในตอนเช้า
ฉันยอมแล้วกับความเหงา
มันมาแบบไม่มีปีไม่มีขลุ่ยเอาซะเลย
เหมือนเรือทั้งลำคว่ำลงไป คว่ำลงไปในน้ำ
จมลงไปใกล้กับก้นทะเลเหลือเกิน
เหมือนฉันกลับไปอยู่ในที่ๆมันเริ่มต้น
และฉันบอกไปว่า ฉันสบายดี





Hey-ey-ey-ey-yeah
Hey-ya, hey-ya, hey
Hey-ey-ey-ey-yeah
Hey-ya, hey-ya, hey

Your silhouette is burned in my memory
Rubble left from the moment that you left me
Oh my God, oh my God
And three words have never come easy
'Cause you're more than they ever could be
Oh my God, oh my God

ผมยังคิดถึงภาพของเธออยู่ในความทรงจำของผม
ยังมีเศษเสี้ยวความทรงจำของที่หลงเหลือในตอนที่เธอเดินจากผมไป
โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้า
และสามคำนั้นมันไม่ง่ายเลยที่จะพูดออกมา
เพราะว่า เธอเป็นมากกว่าที่ใครๆจะเป็นได้
โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้า




How could you have ever known
If I never let it show, now I just wanna know are you?

เธอจะไปรู้ได้ยังไง
ถ้าผมไม่ได้แสดงมันออกมาให้คุณได้รู้ และตอนนี้ผมอยากรู้ว่า คุณเป็น..?




I'm fine
Drop tears in the morning
Give in to the lonely
Here it comes with no warning
Capsize, I'm first in the water
Too close to the bottom
I'm right back where I started
Said I'm fine

ฉันสบายดี
ก็แค่น้ำตาที่มันไหลรินในตอนเช้า
ฉันยอมแล้วกับความเหงา
มันมาแบบไม่มีปีไม่มีขลุ่ยเอาซะเลย
เหมือนเรือทั้งลำคว่ำลงไป คว่ำลงไปในน้ำ
จมลงไปใกล้กับก้นทะเลเหลือเกิน
เหมือนฉันกลับไปอยู่ในที่ๆมันเริ่มต้น
และฉันบอกไปว่า ฉันสบายดี




Hey-ey-ey-ey-yeah
Hey-ya, hey-ya, hey
Hey-ey-ey-ey-yeah
Hey-ya, hey-ya, hey

I'm swimming up against the tide
Oh my God
I'm swimming but I'm getting tired
Oh my God
I'm swimming up against the tide
Oh my God
I'm swimming but I'm getting tired
Oh my God

ฉันต้องว่ายน้ำผ่ากระแสน้ำเชี่ยวกราดนี้
โอ้พระเจ้า



Yeah, I'm fine
Drop tears in the morning
Give in to the lonely
Here it comes with no warning (No warning)
Capsize, I'm first in the water
Too close to the bottom
I'm right back where I started
Said I'm fine (Fine)

ฉันสบายดี
ก็แค่น้ำตาที่มันไหลรินในตอนเช้า
ฉันยอมแล้วกับความเหงา
มันมาแบบไม่มีปีไม่มีขลุ่ยเอาซะเลย
เหมือนเรือทั้งลำคว่ำลงไป คว่ำลงไปในน้ำ
จมลงไปใกล้กับก้นทะเลเหลือเกิน
เหมือนฉันกลับไปอยู่ในที่ๆมันเริ่มต้น
และฉันบอกไปว่า ฉันสบายดี สบายดี




Hey-ey-ey-ey-yeah
Hey-ya, hey-ya, hey (Said I'm fine)
Hey-ey-ey-ey-yeah
Hey-ya, hey-ya, hey

(I think about you, love you, and I'm filled with pride)

ฉันคิดถึงคุณ ​รักคุณ แต่ตัวฉันเองมันเต็มไปด้วยศักดิ์ศรี


Songwriters
SCOTT HOFFMAN, BRETT HITE, EMILY SCHWARTZ, JAMES SUNDERLAND


วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แปลเพลง Where I Stood by Missy Higgins


            ใครที่เป็นคอซีรีย์ฝรั่งอาจจะเคยได้ยินได้ฟังเพลงๆนี้ค่ะ Where I stood ร้องและแต่งโดย Missy Higgins ศิลปินสาวชาวออสซี่ ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่สองในอัลบัมที่สองของเธอ On a clear night ค่ะ เพลงนี้ถูกใช้ในซีรีย์หลายๆเรื่องเลยค่ะ ทั้ง Grey's Anatomy, Ghost Whisperer, The Hills, NCIS รวมทั้ง Pretty Little Liars ด้วยค่ะ 





ลองไปฟังกันดูค่ะ




Where I stood

I don't know what I've done
Or if I like what I've begun
But something told me to run
And honey, you know me, it's all or none

ฉันไม่รู้หรอกว่าทำอะไรลงไปบ้าง
หรือแม้แค่เพียงคิดว่าอยากจะทำอะไร
แต่มีบางอย่างบอกฉันว่าฉันควรจากไปโดยเร็ว
และที่รัก คุณก็อาจะรู้แล้วก็ได้นะ




There were sounds in my head
Little voices whispering
That I should go and this should end
Oh, and I found myself listening

มีเสียงพร่ำบอกดังก้องในหัวของฉัน
เสียงกระซิบอันแผ่วเบา
บอกให้ฉันเดินจากไป และเรื่องนี้ควรจะจบลงสักที
โอ้ ฉันรู้สึกว่าฉันเริ่มจะรับฟังเสียงนั้นแล้วแหละ 




'Cause I don't know who I am, who I am without you
All I know is that I should
And I don't know if I could stand another hand upon you
All I know is that I should
'Cause she will love you more than I could
She who dares to stand where I stood

เพราะฉันไม่รู้จริงๆว่าฉันคือใคร จะเป็นยังไงนะถ้าไม่มีเธอ
แต่ฉันก็รู้ว่าควรทำอย่างนั้น
ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะยังยืนข้างๆกุมมือคุณได้อีกรึเปล่า
ที่ฉันรู้คือ ฉันควรจะทำอะไร
เพราะรู้ดีว่า เขาคนนั้นรักเธอมากกว่าฉัน
และเธอก็กล้าพอที่จะเข้ามายืนในจุดที่ฉันเคยยืนอยู่




See, I thought love was black and white
That it was wrong or it was right
But you aren't leaving without a fight
And I think, I am just as torn inside

ฟังนะ ดูเหมือนว่าฉันคิดว่าความรักเป็นสี ดำกับขาว เท่านั้น
นั่นคือมีแค่ถูก หรือผิด
เราไม่ได้มีปากเสียงกันสักนิดเมื่อเธอเดินจากไป
แต่ฉันคิดว่า ในใจฉันนี่ได้แตกสลายเป็นเสี่ยงๆไปแล้ว




'Cause I don't know who I am, who I am without you
All I know is that I should
And I don't know if I could stand another hand upon you
All I know is that I should
'Cause she will love you more than I could
She who dares to stand where I stood

เพราะฉันไม่รู้จริงๆว่าฉันคือใคร จะเป็นยังไงนะถ้าไม่มีเธอ
แต่ฉันก็รู้ว่าควรทำอย่างนั้น
ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะยังยืนข้างๆกุมมือคุณได้อีกรึเปล่า
ที่ฉันรู้คือ ฉันควรจะทำอะไร
เพราะรู้ดีว่า เขาคนนั้นรักเธอมากกว่าฉัน
และเธอก็กล้าพอที่จะเข้ามายืนในจุดที่ฉันเคยยืนอยู่  



And I won't be far from where you are if ever you should call
You meant more to me than any one I, I've ever loved at all
But you taught me how to trust myself
And so I say to you, this is what I have to do

ฉันจะไปไหนไม่ไกลนักหรอก หากเธอคิดอยากจะมาเยี่ยมเยือนหรือโทร หาบ้าง
เพราะเธอมีความหมายต่อฉันมากกว่าใครๆ ที่ฉันเคยรักทั้งหมด
แต่เธอก็สอนฉันให้เรียนรู้ที่จะเชื่อตัวเอง นี่ล่ะมังที่ฉันจึงต้องบอกคุณ
ว่านี่แหละ คือสิ่งที่ฉันต้องทำ




'Cause I don't know who I am, who I am without you
All I know is that I should
And I don't know if I could stand another hand upon you
All I know is that I should
'Cause she will love you more than I could
She who dares to stand where I stood
She who dares to stand where I stood

เพราะฉันไม่รู้จริงๆว่าฉันคือใคร จะเป็นยังไงนะถ้าไม่มีเธอ
แต่ฉันก็รู้ว่าควรทำอย่างนั้น
ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะยังยืนข้างๆกุมมือคุณได้อีกรึเปล่า
ที่ฉันรู้คือ ฉันควรจะทำอะไร
เพราะรู้ดีว่า เขาคนนั้นรักเธอมากกว่าฉัน
และเธอก็กล้าพอที่จะเข้ามายืนในจุดที่ฉันเคยยืนอยู่ 
และเธอก็กล้าพอที่จะเข้ามายืนในจุดที่ฉันเคยยืนอยู่ 





Songwriters
MELISSA MORRISON HIGGINS

















วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

แปลเพลง Without You by Avicii feat. Sandro Cavazza






      Without You หรือที่แปลเป็นไทยว่า ไม่มีคุณ หรือ ปราศจากคุณ ให้ความรู้สึกสะเทือนใจหรือเศร้าสลดใจอยู่ไม่ใช่น้อยเลย หาก you คนนั้นคือคนสำคัญของคุณ คนที่รัก คนที่คุณใส่ใจ หรือคนรู้ใจของคุณเอง หากวันหนึ่งคนๆนั้นไม่ได้อยู่ตรงนั้นข้างๆคุณ คุณอาจจะรู้สึกแบบที่เพลงนี้กำลังบรรยายค่ะ 

     Without you เพลงนี้ที่เสนอในวันนี้เป็นเพลงของ Avicii ค่ะ หรือก็คือ หนุ่ม Tim Bergling ดีเจ โปรดิวเซอร์ชาวสดีเวนที่รู้จักดีในวงการเพลง House หรือ EDM นั่นเองค่ะ featering กับ Sandro Cavazza นักร้องชาวสวีเดนเช่นกัน เพลงนี้เป็นเพลงเปิดตัวของหนุ่มทิมในช่วงปีนี้ค่ะ เป็นปีสุดท้ายที่หนุ่มทิมประกาศเลิกทัวร์แล้วค่ะ น่าเศร้าใจจริงๆ แต่ก็ยินกับการเริ่มต้นใหม่ของเค้าไปกับเพลงนี้กันค่ะ





Without You by Avicii (feat. Sandro Cavazza)



You said that we would always be
Without you I feel lost at sea
Through the darkness you'd hide with me
Like the wind we'd be wild and free

คุณเคยบอกกับผมว่าเราจะมีกันอยู่แบบนี้
หากไม่มีคุณ ผมก็เหมือนคนที่หลงทางอยู่กลางทะเล
ท่ามกลางความมืดมิด คุณจะซ่อนตัวอยู่กับผม
เหมือนกับสายลมนั่นแหละ เราจะเป็นอิสระเสรี



You said you'd follow me anywhere
But your eyes tell me you won't be there

คุณบอกกับผมว่าคุณจะตามผมไปทุกหนทุกแห่ง
แต่ดวงตาของคุณบอกผมว่าคุณจะไม่อยู่ที่แห่งนั้น (ที่เราจะไปกัน)



I've gotta learn how to love without you
I've gotta carry my cross without you
Stuck in the middle and I'm just about to
Figure it out without you
And I'm done sitting home without you
Fuck I'm going on without you
I'm gonna tear this city down without you
I'm goin' Bonnie and Clyde without you

ผมคงต้องเรียนรู้วิธีรักโดยปราศจากคุณ
ผมคงต้องแบกความทุกทั้งหลายของผมโดยไม่มีคุณ (cross ก็คือ ไม้กางเขนค่ะ)
ติดอยู่ระหว่างทางอย่างงี้ และผมก็กำลังจะ
พยายามผ่านมันไปให้ได้ ถึงแม้จะไม่มีคุณ
และผมก็เหนื่อยเหลือเกินกับการเอาแต่นั่งอยู่บ้านที่ไม่มีคุณ
ให้ตายสิ ผมต้องออกไปข้างนอกโดยไม่มีคุณ
ผมจะต้องพังเมืองนี้ลงโดยไม่มีคุณ
ผมจะเป็นคู่รักจอมโจร Bonnie และ Clyde โดยปราศจากคุณ



Now I'm running away my dear
From myself and the truth I fear
My heart is beating I can't see clear
How I'm wishing that you were here

และตอนนี้ผมกำลังวิ่งหนี ที่รัก
จากตัวของผมเอง และความเป็นจริงที่ผมกลัว
หัวใจของผมมันกำลังเต้น และมันไม่ชัดเจนเลย
ว่าผมขอให้คุณอยู่ที่นี่กับผม



You said you'd follow me anywhere
But your eyes tell me you won't be there

คุณบอกกับผมว่าคุณจะตามผมไปทุกหนทุกแห่ง
แต่ดวงตาของคุณบอกผมว่าคุณจะไม่อยู่ที่แห่งนั้น (ที่เราจะไปกัน)



I've gotta learn how to love without you
I've gotta carry my cross without you
Stuck in the middle and I'm just about to
Figure it out without you
And I'm done sitting home without you
Fuck I'm going out without you
I'm gonna tear this city down without you
I'm goin' Bonnie and Clyde without you

ผมคงต้องเรียนรู้วิธีรักโดยปราศจากคุณ
ผมคงต้องแบกความทุกทั้งหลายของผมโดยไม่มีคุณ (cross ก็คือ ไม้กางเขนค่ะ)
ติดอยู่ระหว่างทางอย่างงี้ และผมก็กำลังจะ
พยายามผ่านมันไปให้ได้ ถึงแม้จะไม่มีคุณ
และผมก็เหนื่อยเหลือเกินกับการเอาแต่นั่งอยู่บ้านที่ไม่มีคุณ
ให้ตายสิ ผมต้องออกไปข้างนอกโดยไม่มีคุณ
ผมจะต้องพังเมืองนี้ลงโดยไม่มีคุณ
ผมจะเป็นคู่รักจอมโจร Bonnie และ Clyde โดยปราศจากคุณ


วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2559

แปลเพลง Die a Happy Man by Thomas Rhett

     

  สวัสดีค่ำคืนก่อนวันสงกรานต์ปีใหม่ไทยค่ะพี่น้องชาวไทย วันนี้คลึ้มอกคลึ้มใจยังไงไม่รู้ เลยอยากจะแปลเพลงเพราะๆความหมายดีๆเพลงนี้ค่ะ Die a Happy Man แต่งและร้องโดย นักร้อง Country คนนี้ค่ะ Thomas Rhett ซึ่งแต่งให้กับภรรยาของเค้าเองค่ะ ว่าสิ่งที่เค้าต้องการที่สุดในชีวิตก็คือความรักของเธอ และถึงแม้ว่าสิ่งที่เค้ามีทั้งหมดในชีวิตคือเธอคนเดียว เค้าก็สามารถนอนตายตาหลับได้ค่ะ

          ความไพเราะของเพลงนี้ถ่ายทอดมาเป็นภาษาไทยยากมากค่ะ เพราะว่ามันไพเราะมากในตัวมันเอง ลองไปเสพกันค่ะ

ปล. เพลงนี้ฮอตฮิตในหมู่แฟนเพลง country ยุคใหม่ค่ะ นอกจากนี้แล้วนักร้อง R&B อย่าง nelly ก็เอาเพลงนี้ไป cover อีกด้วยค่ะ ไพเราะไปอีกแบบค่ะ



แอบบอกว่าใน mv นี้ภรรยาของ Thomas ก็มาร่วมจอยด้วยค่ะ 





Baby last night was hands down
One of the best nights
That I've had no doubt
Between the bottle of wine
And the look in your eyes and the Marvin Gaye
Then we danced in the dark under September stars in the pourin' rain.


ที่รัก..ค่ำคืนวันก่อนนี้มันช่างง่ายดาย
มันคือค่ำคืนที่แสนวิเศษที่สุดที่ผมไม่สงสัยลังเลเลยว่า
ให้เลือกระหว่างขวดไวน์
การได้จ้องมองไปยังดวงตาของคุณ กับ มาร์วิน เกย์
ผมเลือกที่จะเต้นรำไปกับคุณในความมืดท่ามกลางดวงดาวและสายฝนหลั่งรินในเดือนกันยายน



And I know that I can't ever tell you enough
That all I need in this life is your crazy love
If I never get to see the Northern Lights
Or if I never get to see the Eiffel Tower at night
Oh if all I got is your hand in my hand
Baby I could die a happy man
Happy man, baby, hmmmm.


และผมก็รู้ว่า ผมไม่สามารถจะบรรยายความรู้สึกทั้งหมดของผมให้คุณฟังได้
ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมต้องการในชีวิตนี้ ก็คือความรักของคุณ
และถ้าหากว่าผมไม่สามารถที่จะไปดูแสงเหนือได้
หรือไม่ได้สัมผัสกับความงดงามของหอไอเฟลยามค่ำคืนละก็
โอ้ แต่ถ้าทั้งหมดที่ผมมีคือมือของคุณกุมมือของผมอยู่แล้วละก็ที่รัก
ผมก็สามารถนอนตายตาหลับได้แล้วแหละ
ตายอย่างมีความสุขเลยแหละที่รัก




Baby and that red dress brings me to my knees
Oh but that black dress makes it hard to breathe
You're a saint, you're a goddess, the cutest, the hottest, the masterpiece
It's too good to be true, nothing better than you
In my wildest dreams.


ที่รัก เวลาที่คุณใส่เดรสสีแดงนั้น มันทำให้ผมแทบจะทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น
โอ้ย แต่ชุดเดรสสีดำตัวนั้น ก็ทำให้ผมแทบจะหายใจไม่ออกเชียวหล่ะ
คุณคือนักบุณ คุณคือเทพธิดา คุณน่ารักที่สุด ฮอทที่สุด คุณคือผลงานชิ้นโบว์แดง
มันดีเกินกว่าที่จะเป็นความจริง(นี่ผมฝันไปรึเปล่า) ไม่มีอะไรเทียบเทียมคุณได้เลย
ในความฝันบ้าๆของผม


And I know that I can't ever tell you enough
That all need in this life is your crazy love
If I never get to see the Northern Lights
Or if I never get to see the Eiffel Tower at night
Oh if all I got is your hand in my hand
Baby I could die a happy man, yeah.


และผมก็รู้ว่า ผมไม่สามารถจะบรรยายความรู้สึกทั้งหมดของผมให้คุณฟังได้
ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมต้องการในชีวิตนี้ ก็คือความรักของคุณ
และถ้าหากว่าผมไม่สามารถไปเห็นแสงเหนือได้
หรือไม่ได้สัมผัสกับความงดงามของหอไอเฟลยามค่ำคืนได้ละก็
โอ้ แต่ถ้าทั้งหมดที่ผมมีคือ มือของคุณกุมมือของผมอยู่แล้วละก็ที่รัก
ผมก็สามารถนอนตายตาหลับได้แล้วแหละตายอย่างมีความสุขเลยแหละที่รัก



I don't need no vacation, no fancy destination
Baby you're my great escape
We could stay at home, listen to the radio
Or dance around the fireplace.


ผมไม่ได้ต้องการวันหยุดเลย ไม่ต้องการจุดหมายปลายทางอันงดงาม
ที่รัก คุณคือสุดยอดที่ลี้ภัยของผม
เราสามารถที่จะใช้เวลาอยู่ที่บ้าน ฟังเพลงจากวิทยุ
หรือจะเต้นรำรอบๆเตาผิงกัน


And if I never get to build my mansion in Georgia
Or drive a sports car up the coast of California
Well if all I got is your hand in my hand
Baby I could die a happy man
Baby I could die a happy man
Oh I could die a happy man
You know I could, girl
I could die, I could die a happy man, hmmmm.


ถ้าหากผมไม่สามารถสร้างแมนชันที่รัฐจอร์เจีย
หรือขับรถสปอร์ตเรียบชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย
แล้วถ้าหาก ทั้งหมดที่ผมมี ก็คือมือของคุณกุมมือของผมไว้ละก็
ที่รัก ผมก็นอนตายตาหลับแล้วหล่ะ
ผมนอนตายแบบมีความสุขเลยหล่ะ
คุณก็รู้ว่าผมสามารถทำได้ ที่รัก
ผมสามารถที่จะนอนตาย นอนตายตาหลับเลยล่ะ


















วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

แปลเพลง Hymn for the weekend by Coldplay

   



    อาทิตย์นี้มีเพลงใหม่ๆปล่อยออกมาเรื่อยๆเลยนะคะ วันนี้ขอนำเสนอเอ็มวีซิงเกิ้ลที่ 2 ของ coldplay ในอัลบัมใหม่ A head full of dreams  ที่พึ่งปล่อยออกมาไม่กี่วันนี้เองค่ะ เพลงนั้นก็คือ Hymn for the weekend นั่นเองค่ะ เพลงนี้ได้ Beyonce มาร่วม featuring แบบ uncredited ค่ะ
     เพลงนี้พี่ Christ จริงๆแกอยากจะให้ชื่อว่า Drink on me ค่ะ ฮ่าๆๆ เพราะอยากจะให้เพลงของวงเค้าจะเป็นเพลงที่คนจะเปิดเวลาที่ผับใกล้ปิดอะไรคล้ายๆเพลง Turn down for what ค่ะ แต่เพื่อนๆในทีมทุกคนคัดค้านไม่ให้เค้าร้องท่อนนี้ค่ะ ฝันพี่คริสสลายค่ะ สุดท้ายก็เลยขอให้ Beyonce ร้องท่อนนี้ให้และเปลี่ยนเป็น drinks from me แทนค่ะ
     เพลงนี้เนื้อหาไม่มีอะไรมากค่ะ ไม่มีคำว่า Hymn for the weekend (บทสวดในวันสุดสัปดาห์) ในเนื้อเพลงด้วย ฮ่าๆ แต่เมโลดีของเพลงเพราะติดหูมากค่ะ เอ็มวีถ่ายที่อินเดียก็นำเสนอได้สวยงามจริงๆค่ะ บียองเซ่ก็สวยกินขาดไปเลยค่ะ ลองฟังกันดูเลยยย







COLDPLAY


Hymn For The Weekend


Drink from me, drink from me (oh-ah-oh-ah)

Then we'll shoot across the (symphony)

Then we'll shoot across the sky

Drink from me, drink from me (oh-ah-oh-ah)

Then we'll shoot across the (oh-ah-oh-ah)

Symphony

(So high, so high)

Then we'll shoot across the sky


มาดื่มมันจากฉัน ดื่มจากฉัน
จากนั้นเราจะพุ่งทะยานข้ามข้าม...
จากนั้นเราจะพุ่งทะยานข้ามท้องฟ้ากัน
มาดื่มจากฉัน ดื่มจากฉัน
จากนั้นเราจะพุ่งทะยานข้าม..
สูงขึ้นไป สูงขึ้นไป
จากนั้นเราจะพุ่งทะยานข้ามท้องฟ้ากัน



Oh, angels sent from up above

You know you make my world light up

When I was down, when I was hurt

You came to lift me up

Life is a drink, and love's a drug

Oh now I think I must be miles up

When I was a river died up

You came to rain a flood


โอ้ว เหล่านางฟ้า พวกเธอถูกส่งมาจากเบื้องบน
เธอจะรู้มั้ย ว่าเธอทำให้โลกของผมสว่างไสว
เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมเศร้าใจ เมื่อไหร่ที่ผมเจ็บปวด
เธอเข้ามาช่วยให้ผมดีขึ้น
ชีวิตก็เหมือนการดื่ม และความรักก็คือยาเสพติดนี่เอง
โอ้ว ตอนนี้ผมคิดว่าผมสูงขึ้นไปอีกไมล์แล้วแหละ
แล้วตอนที่ผมเป็นแม่น้ำที่แห้งเหือด
เธอมาเพื่อเป็นหยาดฝนเติมเต็มให้ผม





So drink from me, drink from me

When I was so thirsty

We're on a symphony

Now I just can't get enough

Put your wings on me, wings on me

When I was so heavy

We're on a symphony

When I'm lower, lower, lower,


มาดื่มมันจากฉัน ดื่มจากฉัน
เวลาที่ฉันรู้สึกกระหาย
เราอยู่ในท่วงทำนองเดียวกัน
ตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามันยังไม่พอ
มอบปีกของเธอให้ฉัน ใส่ปีกลงบนตัวฉัน
ตอนที่ฉันตัวหนักอึ้ง
เราอยู่ในท่วงทำนองเดียวกัน
เวลาที่ฉันต่ำลงๆ




Got me feeling drunk and high

So high, so high

Oh-ah-oh-ah-oh-ah

I'm feeling drunk and high

So high, so high

(Woo)

(Woo-ooo-ooo-woo)


ผมรู้สึกมึนเมาและโบยบินขึ้นสูง
สูงขึ้นไป สูงขึ้นไป
ผมรู้สึกมึนเมาและโบยบินขึ้นสูง
สูงขึ้นไป สูงขึ้นไป



Oh, angels sent from up above

I feel it coursing through my blood

Life is a drink, your love's about

To make the stars come out


โอ้เหล่านางฟ้าทั้งหลายถูกส่งลงมาจากเบื้องบน
ผมรู้สึกได้ว่ามันกำลังวิ่งเข้าสู่กระแสเลือดของผมเลยหล่ะ
ชีวิตก็เหมือนกับการดื่ม แล้วความรักอ่ะนะ
มันก็เหมือนกับการทำให้เหล่าดวงดาวปรากฎออกมานี่แหละ


Put your wings on me, wings on me

When I was so heavy

We're on a symphony

When I'm lower, lower, lower



มอบปีกของเธอให้ผม ใส่มันลงบนตัวผมนี่
ในตอนทีตัวผมมันหนักอึ้งแบบนี้
เราอยู่ในท่วงทำนองเดียวกัน
เมื่อยามที่ผมต่ำลง ต่ำลงไป





Got me feeling drunk and high

So high, so high

Oh-ah-oh-ah-oh-ah

I'm feeling drunk and higt

So high, so higt

Then we'll shoot across the sk


วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

แปลเพลง Mad World by Tears for Fears

      บางทีคนเราเวลาตื่นมา คงจะเคยรู้สึกว่า ฉันตื่นมาตอนเช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน ไปทำงาน กินข้าว กลับมาทำงาน ทำการบ้าน แล้วก็นอน แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นมาอีก วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ บางครั้งก็เหนื่อยเหลือเกิน กับการเจอกับคนเดิมๆ ทำอะไรเดิมๆ รอวันสุดท้ายของตัวเองที่จะมาถึงเพียงแค่นี้
     วันนี้ขอนำเสนอหนึ่งบทเพลงที่พูดถึงโลกใบนี้ในบริบทเศร้าๆด้วยเพลง Mad World ค่ะ เป็นบทเพลงที่ร้องโดย Curt Smith แห่งวง Tears for Fears แต่งโดย Roland Orzabal หนึ่งในสมาชิกและผู้ก่อตั้งวงนี้ค่ะ เพลงนี้เป็นเพลง soundtrack ในหนังเรื่อง Donnie Barko (2001)
     Roland Orzabal บอกว่า มันเกิดขึ้นตอนที่ผมอยู่ในร้านพิซซ่าที่บาธ และผมสามารถมองออกไปที่ใจกลางเมือง ไม่ใช่แค่บาธหรอกที่บ้าบอ ผมควรจะเรียกมันว่า "โลกของคนชั้นกลาง" มากกว่า
        
That came when I lived above a pizza restaurant in Bath and I could look out onto the centre of the city. Not that Bath is very mad – I should have called it "Bourgeois World"

— Roland Orzabal

ไปลองฟังกันดูค่ะ
แอบบอกว่าส่วนตัวแล้วชอบ version ของ Adam Lambert มากค่ะ





Mad world



All around me are familiar faces
Worn out places, worn out faces
Bright and early for the daily races
Going nowhere, going nowhere

รอบๆตัวฉันนั้น มีเพียงคนหน้าเดิมๆ
เบื่อเต็มทนกับที่เดิมๆ เบื่อคนหน้าเดิมๆ
ฉันตื่นมาตอนเช้าตู่เพื่อการต่อสู้เดิมๆในแต่ละวัน
ไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้ไปที่อื่นๆเลย



Their tears are filling up their glasses
No expression, no expression
Hide my head I wanna drown my sorrow
No tomorrow, no tomorrow

น้ำตาของพวกเขาเต็มท่วมแว่นตาคู่นั้น
ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำอธิบาใดๆ
ฉันพยายามหลีกตัวออกมา อยากที่จะทิ้งความเศร้าโศกต่างๆซะ
ไม่มีพรุ่งนี้ ไม่มีพรุ่งนี้อีกแล้ว



And I find it kind of funny
I find it kind of sad
The dreams in which I'm dying are the best I've ever had
I find it hard to tell you,
I find it hard to take
When people run in circles it's a very, very
Mad world, mad world

ฉันรู้สึกว่ามันตลกดีนะ
แล้วฉันก็คิดว่ามันเศร้ามากด้วย
ความฝันที่ว่าฉันกำลังจะตายจากไปเป็นความฝันที่ดีที่สุดแล้วมั้ง
ฉันรู้ดีว่ามันยากที่จะบอกคุณ
ฉันรู้ดีว่ามันยากที่จะจัดการมัน
เวลาที่ผู้คนทำอะไรวนลูปตามวงจรเดิมแล้ว มันช่าง 
ช่างเป็นโลกที่บ้าบอ บ้าบอสิ้นดี



Children waiting for the day they feel good
Happy birthday, happy birthday
And to feel the way that every child should
Sit and listen, sit and listen

เด็กๆตั้งตารอคอยวันที่จะทำให้พวกเค้ามีความสุข
คือวันเกิดของพวกเค้า สุขสันต์วันเกิดนะ
และฉันรู้สึกว่าเด็กๆทุกคนควรจะต้อง
นั่งลงหยุดฟัง นั่งลงและฟังให้ดีๆ



Went to school and I was very nervous
No one knew me, no one knew me
Hello teacher tell me, what's my lesson?
Look right through me, look right through me

ฉันรู้สึกประหม่ามากเวลาที่ฉันต้องไปโรงเรียน
ไม่มีใครรู้จักฉัน ไม่มีใครเลย
สวัสดีครับครู วันนี้ผมต้องเรียนอะไรหรอ?
ดูเหมือนเป็นฉัน ดูเหมือนเป็นฉันอย่างงั้นเลย



And I find it kind of funny
I find it kind of sad
The dreams in which I'm dying are the best I've ever had
I find it hard to tell you,
I find it hard to take
When people run in circles it's a very, very
Mad world, mad world, enlarging your world, mad world


ฉันรู้สึกว่ามันตลกดีนะ
แล้วฉันก็คิดว่ามันเศร้ามากด้วย
ความฝันที่ว่าฉันกำลังจะตายจากไปเป็นความฝันที่ดีที่สุดแล้วมั้ง
ฉันรู้ดีว่ามันยากที่จะบอกคุณ
ฉันรู้ดีว่ามันยากที่จะจัดการมัน
เวลาที่ผู้คนทำอะไรวนลูปตามวงจรเดิมแล้ว มันช่าง 
ช่างเป็นโลกที่บ้าบอ บ้าบอสิ้นดี โลกที่กว้างใหญ่ขึ้นของคุณ โลกที่บ้าบอ





Songwriters
ROLAND ORZABAL



วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559

แปลเพลง This Girl by Laza Morgan


     วันนี้งงๆ ไม่รู้จะเลือกเพลงอะไรดี เอาเป็นเพลงนี้ละกันค่ะ This Girl จาก Laza Morgan นักร้องหนุ่มชาวอเมริกัน-จาไมก้าค่ะ ได้ฟังครั้งแรกจากหนังเรื่อง Step up 3 ค่ะ ชอบมากกกกกกก เนื้อหาก็ดีงามพระรามแปดเช่นกัน ลองฟังกันดูค่ะ








There's this girl, the one and only wonder of this world (my world)
And it don't matter if the road gets rough (yeah) if me rich or poor (yeah)
She stay down with me if me go to war (my girl)

เธอคนนี้ คนเดิมคนเดียวที่เป็นที่สุดแล้วในโลกใบนี้ (โลกของฉัน)
และไม่สำคัญเลยถ้าเส้นทางของเรามันจะเริ่มขรุขระบ้าง รึฉันจะรวยรึจน
และถึงแม้ว่าฉันจะต้องไปรบในสงครามเธอก็ยังจะอยู่ตรงนี้ข้างๆฉัน (ผู้หญิงของฉัน)



Love you cuz you are, every single star
In the constellation, that's enlightening my heart
Special gift from Jah, wherever you are
Girl you got more presence than a hundred santa clauses,
And I know (I know) we'll stand together when the world falls down
And I know (I know) that our forever's gonna start right now, yeah

ฉันรักเธอ เพราะว่าเธอเพราะเธอเป็น ดาวทุกๆดวงในกลุ่มดาว ที่ฉายแสงแวววาวในใจฉัน
เป็นของขวัญพิเศษจากพระเจ้า ไม่ว่าเธอจะอยู่ไหน 
เธอทำให้ฉันพอใจยิ่งกว่าของขวัญร้อยชิ้นจากซานต้าครอส
และฉันรู้ว่า เราจะยังอยู่ด้วยกันแม้ในวันที่โลกจะสลายมลายไป
และฉันก็รู้ว่า ความรักนิรันดร์ของเราจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้แหละ เย้



There's this girl, the one and only wonder of this world (my world)
And it don't matter if the road gets rough (yeah) if me rich or poor (yeah)
She stay down with me if me go to war (my girl)
There's this girl, the one and only wonder of this world (my world)
And it don't matter if the road gets rough (yeah) if me rich or poor (yeah)
She stay down with me till we in the floor (my girl)

เธอคนนี้ คนเดิมคนเดียวที่เป็นที่สุดแล้วในโลกใบนี้ (โลกของฉัน)
และไม่สำคัญเลยถ้าเส้นทางของเรามันจะเริ่มขรุขระบ้าง รึฉันจะรวยรึจน
และถึงแม้ว่าฉันจะต้องไปรบในสงครามเธอก็ยังจะอยู่ตรงนี้ข้างๆฉัน (ผู้หญิงของฉัน)
เธอคนนี้ คนเดิมคนเดียวที่เป็นที่สุดแล้วในโลกใบนี้ (โลกของฉัน)
และไม่สำคัญเลยถ้าเส้นทางของเรามันจะเริ่มขรุขระบ้าง รึฉันจะรวยรึจน
และเราก็จะยังอยู่กับฉันจนกว่า (ผู้หญิงของฉัน)



These are hardest times, love's so hard to find
Blessed is the man who has a woman at his side
This for you I write, never do me wrong
If you're ever missing me just listen to this song
And you know (you know) we lay together when the sun goes down
And I know (I know) still be together when it comes back 'round (back round,
yeah)

ช่วงเวลาที่ยากที่สุดก็คือ การมองหาความรักที่ยากจะค้นหา
ชายที่มีผู้หญิงอยู่ข้างกายเขานั้นช่างโชคดีเหลือเกิน
และที่ฉันเขียนเพลงนี้ก็เพื่อเธอ อย่าเข้าใจฉันผิดเลยนะ
แต่เมื่อไหร่ที่เธอคิดถึงฉัน ก็ขอให้เธอฟังเพลงๆนี้
และเธอก็รู้ ว่าเราจะยังอยู่ข้างกันเสมอในยามที่พระอาทิตย์ตกดินลงไป
และฉันก็รู้ ว่าเราจะยังคงอยู่ข้างกัน ในวันต่อๆไป


There's this girl, the one and only wonder of this world (my world)
And it don't matter if the road gets rough (yeah) if me rich or poor (yeah)
She stay down with me if me go to war (my girl)
There's this girl, the one and only wonder of this world (my world)
And it don't matter if the road gets rough (yeah) if me rich or poor (yeah)
She stay down with me till we in the floor (my girl)

เธอคนนี้ คนเดิมคนเดียวที่เป็นที่สุดแล้วในโลกใบนี้ (โลกของฉัน)
และไม่สำคัญเลยถ้าเส้นทางของเรามันจะเริ่มขรุขระบ้าง รึฉันจะรวยรึจน
และถึงแม้ว่าฉันจะต้องไปรบในสงครามเธอก็ยังจะอยู่ตรงนี้ข้างๆฉัน (ผู้หญิงของฉัน)
เธอคนนี้ คนเดิมคนเดียวที่เป็นที่สุดแล้วในโลกใบนี้ (โลกของฉัน)
และไม่สำคัญเลยถ้าเส้นทางของเรามันจะเริ่มขรุขระบ้าง รึฉันจะรวยรึจน
และเราก็จะยังอยู่กับฉันจนกว่า (ผู้หญิงของฉัน)




วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559

แปลเพลง Everything I own by Bread

   



          วันนี้พ่อของรุ่นพี่คนนึงของเราเสียค่ะ เราเลยนึกถึงเพลงนี้ Everything I own ของวง Bread ค่ะ แต่งโดยนักร้องนำของวง David Gates นั่นเองค่ะ เพลงนี้ฟังดูแรกๆนึกว่าเป็นเพลงที่เกี่ยวกับความรักของหญิงชายทั่วไป แต่จริงๆแล้ว David Gates แต่งให้กับคุณพ่อของเค้าที่จากไปค่ะ โดยในงานศพเพื่อนของเค้าบอกกับ David ว่า พ่อของคุณจะต้องภูมิใจกับสิ่งที่เค้าทำมากแน่ๆ  David ตอบไปว่า "ใช่แล้ว ความสำเร็จของฉันทั้งหลายมันช่างพิเศษเหลือเกินสำหรับพ่อ เพราะว่าพ่อคือคนที่มีอิทธิพลกับมัน เพราะงั้นฉันถึงตัดสินใจที่จะแต่งเพลง Everything I own ให้กับเค้า ถ้าคุณได้ฟังท่อนที่บอกว่า "คุณปกป้องฉันให้ห่างไกลจากอันตรายทั้งปวง คอยดูแลให้ฉันอบอุ่น เป็นผู้ให้ชีวิตกับฉัน สอนให้ฉันรู้จักใช้ชีวิต ให้เป็นตัวของตัวเอง" นั่นบ่งบอกทุกอย่างเลยหล่ะ"

     "My success would have been so special to him as he was my greatest influence. So I decided to write and record Everything I Own about him. If you listen to the words, 'You sheltered me from harm, kept me warm, gave my life to me, set me free,' it says it all.”






You sheltered me from harm
Kept me warm, kept me warm
You gave my life to me
Set me free, set me free
The finest years I ever knew,
Were all the years I had with you

คุณปกป้องฉันให้ห่างไกลจากภัยอันตรายทั้งหลาย
โอบอุ้มให้ฉันได้ไออุ่น ให้ฉันได้อบอุ่น
คุณมอบชีวิตนี้ให้กับฉัน
ปลดปล่อยฉันให้เป็นอิสระ ได้เป็นตัวของตัวเอง
ปีแล้วปีเล่าตั้งแต่ฉันยังจำความได้
คือช่วงเวลาที่เราได้ใช้ร่วมกันมา




And I would give anything I own
I'd give up my life, my heart, my home
I would give everything I own,
Just to have you back again

และฉันจะยอมมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของฉัน
ฉันจะตอบแทนด้วยชีวิต ด้วยหัวใจ ด้วยความผูกพัน 
จะยอมสละทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน
ถ้ามันจะทำให้คุณกลับคืนมาได้อีกครั้ง

You taught me how to love
What it's of, what it's of
You never said too much,
But still you showed the way
And I knew from watching you

คุณสอนให้ฉันรู้ว่ารักเป็นอย่างไร
รู้ซึ้งถึงมัน
คุณไม่เคยที่จะพูดพร่ำมากเกินไป
แต่คุณก็ยังคงชี้แนวทาง
และฉันก็รับรู้ได้เวลาที่มองไปที่คุณ



Nobody else could ever know,
The part of me that can't let go

ไม่มีใครที่จะมารับรู้
ว่ามีส่วนนึงของฉันที่ไม่สามารถที่จะปล่อยคุณไปได้จริงๆ



And I would give anything I own,
I'd give up my life, my heart, my home
I would give everything I own,
Just to have you back again

และฉันจะยอมมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของฉัน
ฉันจะตอบแทนด้วยชีวิต ด้วยหัวใจ ด้วยความผูกพัน 
จะยอมสละทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน
ถ้ามันจะทำให้คุณกลับคืนมาได้อีกครั้ง



Is there someone you know,
Your loving them so,
But taking them all for granted?
You may lose them one day
Someone takes them away,
And they don't hear the words you long to say

ถ้ามีใครสักคนนึกที่คุณรู้จัก
แล้วคุณก็รักพวกเขามากเช่นกัน
แต่คุณปล่อยปะละเลยพวกเค้า
วันหนึ่งคุณก็อาจจะสูญเสียพวกเค้าไปก็ได้
เพราะบางคนจะพาพวกเค้าไป
แล้วเค้าคนนั้นก็ไม่ได้ยินถ้อยคำอ้อนวอนของคุณสักคำเลย

I would give anything I own,
I'd give up my life, my heart, my home
I would give everything I own,
Just to have you back again;
Just to touch you once again

และฉันจะยอมมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของฉัน
ฉันจะตอบแทนด้วยชีวิต ด้วยหัวใจ ด้วยความผูกพัน 
จะยอมสละทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน
ถ้ามันจะทำให้คุณกลับคืนมาได้อีกครั้ง
แค่ได้สัมผัสกับคุณอีกสักครั้ง


Songwriters
DAVID GATES






แปลเพลง Why not me by Enrique Iglesias


        วันนี้มีเพลงเก่าเก็บจากหนุ่มละตินหน้าคม Enrique Iglesias มาฝากค่ะ เป็นเพลงนึงที่เราชอบแล้วก็อินมากๆค่ะ คือเพลง Why not me เพลงนี้แม้จะเก่าแล้ว แต่รับรองว่าเพราะถูกใจแน่นอนค่ะ ไปฟังกันเลยยย









Escaping nights without you with shadows on the wall
My mind is running wild trying hard not to fall
You told me that you love me but say I'm just a friend
My heart is broken up into pieces

ฉันหลีกตัวออกมาในค่ำคืนที่ไม่มีเธอ อยู่กับเงามืดข้างผนังห้อง
เหมือนว่าสมองของฉันมันว่างเปล่า ฉันพยายามที่จะเข้มแข็งเอาไว้
เธอเคยบอกว่าเธอรักฉัน แต่ตอนนี้มาบอกว่าฉันเป็นแค่เพื่อนเธอ
หัวใจของฉันมันแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ



'Cause I know I'll never free my soul
It's trapped in between true love and being alone
When my eyes are closed the greatest story told
I woke and my dreams are shattered here on the floor

เพราะฉันรู้ว่า ฉันไม่สามารถจะปลดปล่อยความรู้สึกนี้ได้
มันติดอยู่ระหว่างความรักและความอ้างว้างเดียวดาย
เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันหลับตาลงไปเรื่องราวอดีตทั้งหลายมันย้อนกลับมา
เมื่อฉันตื่นขึ้นมา ความฝันนั้นก็มลายสลายไป



Why oh why tell me why not me?
Why oh why we were meant to be
Baby, I know I could be all you need
Why oh why oh why?
I wanna love you
If you only knew how much I love you
So why not me?

ทำไมนะ ทำไมกัน บอกฉันที ทำไมถึงไม่เป็นฉัน
ทำไมนะ ทำไมกัน เราไม่ได้เกิดมาคู่กันหรอกหรอ
ที่รัก ฉันรู้ว่าฉันสามารถจะเป็นทุกอย่างที่เธอต้องการได้
ทำไม ทำไมนะ ทำไมกัน
ฉันอยากจะรักเธอ
หากเพียงเธอรู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน
แล้วทำไมถึงไม่เป็นฉันหล่ะ?



The day after tomorrow I'll still be around
To catch you when you fall and never let you down
You say that we're forever our love will never end
I've tried to come up but it's drowning me to know

แม้หลังจากพรุ่งนี้ ฉันก็จะยังคงอยู่ใกล้ๆเธอแถวนี้แหละ
จะคอยรองรับเธอเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอล้มลง จะไม่ทำให้เธอเสียใจ
เธอเคยบอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ความรักของเราจะไม่มีวันสูญสลายไปไหน
ฉันพยามสุดในที่จะลุกขึ้นมา แต่มันกดฉันให้จมลึกลงไปเมื่อรู้ว่า



You'll never feel my soul
It's trapped in between true love and being alone
When my eyes are closed the greatest story told
I woke and my dreams are shattered here on the floor

เธอจะไม่มีวันปลดปล่อยฉันไป
มันติดอยู่ระหว่างความรักและความอ้างว้างเดียวดาย
เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันหลับตาลงไปเรื่องราวอดีตทั้งหลายมันย้อนกลับมา
เมื่อฉันตื่นขึ้นมา ความฝันนั้นก็มลายสลายไป



Tell me, baby, why oh why tell me why not me?
Why oh why we were meant to be?
Baby, I know I could be all you need
Why oh why oh why?
I wanna love you
If you only knew how much I love you
So why not me?

ทำไมนะ ทำไมกัน บอกฉันที ทำไมถึงไม่เป็นฉัน
ทำไมนะ ทำไมกัน เราไม่ได้เกิดมาคู่กันหรอกหรอ
ที่รัก ฉันรู้ว่าฉันสามารถจะเป็นทุกอย่างที่เธอต้องการได้
ทำไม ทำไมนะ ทำไมกัน
ฉันอยากจะรักเธอ
หากเพียงเธอรู้ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน
แล้วทำไมถึงไม่เป็นฉันหล่ะ?



You won't ever know
How far we can go
You won't ever know
How far we can go
(Go)

เธอจะไม่มีวันได้รู้เลย
ว่าเราไปกันได้ไกลแค่ไหน
เธอจะไม่มีวันได้รู้เลย
ว่าเราเหมาะสมกันมากแค่ไหน




Songwriters
Quinones, David / Bogart, Evan / Nuri, Erika / Iglesias, Enrique / Khayat, Nadir




วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559

แปลเพลง Take your time by Sam Hunt





วันนี้ขอนำเสนอหนึ่งบทเพลงที่น่าสนใจจริงๆค่ะ (จะแปลนานแล้วค่ะ ดองไว้ครึ่งปีเพราะโน๊ตบุคพัง ฮ่าๆๆ ) ฟังครั้งแรกในวิทยุแล้วมันโดนมากค่ะ นอกจากท่อนที่เหมือนจะแร็บบนกับบ่นงึมงัมตั้งแต่ท่อนแรกแล้ว ความหมายของเพลงก็เพราะไม่แพ้กันค่ะ (เป็น style ของเค้าแหละค่ะ --' ) เพลงนั้นก็คือเพลง Take your time นั่นเองค่ะ ร้องโดยหนุ่มหล่อ (อีกแล้ว) Sam Hunt ค่ะ ลองไปฟังกันดูค่ะ






I don't know if you were looking at me or not
You probably smile like that all the time
And I don't mean to bother you but
I couldn't just walk by
And not say hi

ฉันไม่รู้ว่าตอนนั้นคุณกำลังมองมาที่ฉันอยู่รึเปล่านะ
คุณอาจจะยิ้มแบบนั้นเป็นปกติอยู่แล้วก็ได้
และฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนคุณหรอกนะ
แต่ฉันไม่สามารถที่จะเดินผ่านคุณไปโดยที่ไม่หยุดทักทายได้เลยจริงๆ
And I know your name
'Cause everybody in here knows your name
And you're not looking for anything right now
So I don't wanna come on strong
But don't get me wrong
Your eyes are so intimidating
My heart is pounding but
It's just a conversation
No girl I'm not gonna waste it
You don't know me
I don't know you but I want to

และฉันรู้จักชื่อของคุณด้วยนะ
เพราะว่าทุกคนที่นี่ก็รู้จักชื่อคุณทั้งนั้นแหละ
และคุณคงไม่ได้กำลังมองหาใครตอนนี้หรอกใช่มั้ยหล่ะ
เพราะงั้นฉันจะไม่เร่งรัดอะไรทั้งนั้น
แต่อย่าเข้าใจอะไรฉันผิดนะ
ดวงตาคู่นั้นของคุณช่างมีอิทธิพล
ทำให้ใจของฉันเต้นแรง
เพียงเพราะแค่การพูดคุยของคุณนั่นแหละ
ไม่ ฉันจะไม่ปล่อยโอกาสไปให้เสียเปล่าหรอกนะ
ฉันรู้ว่าคุณไม่รู้จักฉัน
และถึงฉันก็ไม่ได้รู้จักคุณเหมือนกัน แต่ฉันอยากจะทำความรู้จักคุณแล้วหละ



And I don't wanna steal your freedom
I don't wanna change your mind
I don't have to make you love me
I just want to take your time

และฉันก็ไม่ได้อยากจะขโมยอิสระภาพของคุณไปหรอกนะ
ฉันไม่ได้อยากจะมาเปลี่ยนใจคุณด้วย
ฉันไม่ได้จะทำให้คุณมารักฉัน
ฉันก็แค่อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป ตามสบายเถอะนะ


I don't wanna wreck your Friday
I ain't gonna waste my lines
I don't have to take your heart
I just wanna take your time

ฉันไม่อยากจะทำลายค่ำคืนวันศุกร์หรรษาของคุณ
ฉันก็จะไม่เดินล้ำเส้น
ฉันไม่จำเป็นจะต้องเอาหัวใจของคุณมา
ฉันก็แค่อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป ตามสบายเถอะนะ



And I know it starts with hello
And the next thing you know you're trying to be nice
And some guys getting too close
Trying to pick you up
Trying to get you drunk

และฉันรู้ว่ามันควรจะเริ่มจากการทักทายกันว่า สวัสดี
จากนั้นคุณรู้ว่าคุณกำลังพยายามที่จะทำตัวให้ดี
ผู้ชายบางคนพยายามที่ทำตัวให้สนิทกัน เริ่มเข้ามาใกล้ๆ
พยายามที่จะพาคุณออกไป
พยายามจะมอมเหล้าคุณ



And I'm sure one of your friends is about to come over here
'Cause she's supposed to save you from random guys
That talk too much and wanna stay too long
It's the same old song and dance but I think you know it well

และฉันก็มั่นใจว่าหนึ่งในเพื่อนสักคนของคุณจะมาที่นี่
เธอควรที่จะช่วยคุณออกมาจากผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้
ที่พูดมากเหลือเกินและพยายามท่ีจะอยู่ต่ออีกนานๆ
มันก็อีหรอบเดิมนั่นแหละ คุณก็รู้ดี



You could have rolled your eyes
Told me to go to hell
Could have walked away
But you're still here
And I'm still here
Come on let's see where it goes

คุณจะกรอกตาใส่ฉันก็ได้
แล้วบอกให้ฉันไปตายซะ
แล้วคุณก็เดินออกไป
แต่คุณยังอยู่ตรงนี้
และฉันก็อยู่ตรงนี้
เอาน่า มาดูกันว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป


I don't wanna steal your freedom
I don't wanna change your mind
I don't have to make you love me
I just wanna take your time

และฉันก็ไม่ได้อยากจะขโมยอิสระภาพของคุณไปหรอกนะ
ฉันไม่ได้อยากจะมาเปลี่ยนใจคุณด้วย
ฉันไม่ได้จะทำให้คุณมารักฉัน
ฉันก็แค่อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป ตามสบายเถอะนะ



I don't have to meet your mother
We don't have to cross that line
I don't wanna steal your covers
I just wanna take your time

ฉันไม่จำเป็นจะต้องไปเจอกับแม่ของคุณหรอก
เราไม่ต้องข้ามเส้นขนาดนั้นก็ได้
เพราะฉันไม่ได้ต้องการจะถอดเสื้อผ้าของคุณหรอก
ฉันก็แค่อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป ตามสบายเถอะนะ



Woah, I don't wanna go home with you
Woah, I just wanna be alone with you

ฉันไม่ได้ต้องการจะกลับบ้านไปกับคุณ
ฉันไม่ได้ต้องการที่จะอยู่กับคุณตามลำพังหรอกนะ



I don't wanna steal your freedom
I don't wanna change your mind
I don't have to make you love me
I just wanna take your time

และฉันก็ไม่ได้อยากจะขโมยอิสระภาพของคุณไปหรอกนะ
ฉันไม่ได้อยากจะมาเปลี่ยนใจคุณด้วย
ฉันไม่ได้จะทำให้คุณมารักฉัน
ฉันก็แค่อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป ตามสบายเถอะนะ



And I don't wanna blow your phone up
I just wanna blow your mind
I don't have to take your heart
I just wanna take your time

และฉันก็ไม่ได้อยากจะเที่ยวโทรหาคุณหรอก
ฉันก็แค่อยากจะเข้าไปอยู่ในหัวของคุณแค่นั้น
ฉันไม่ได้อยากจะให้คุณมอบใจของคุณมาให้ฉัน
ฉันก็แค่อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป ตามสบายเถอะนะ



No, I ain't gotta call you baby
And I ain't gotta call you mine
I don't have to take your heart
I just wanna take your time, ooh

ไม่ ฉันจะไม่เรียกคุณว่าที่รักหรอกนะ
และฉันจะไม่บอกใครต่อใครหรอกว่าคุณเป็นของฉัน
คุณไ่ม่จำเป็นจะต้องมอบหัวใจของคุณมาให้ฉันหรอก
ฉันก็แค่อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป ตามสบายเถอะนะ




Songwriters
JOSH OSBORNE, SAM LAWRY HUNT, SHANE L. MCANALLY





แปลเพลง Someday came today by Chris Pine



          
    สวัสดีค่ำคืนอาทิตย์สุดสัปดาห์ค่ะ หลังจากที่ห่างหายไปหลายเดือนเพราะว่าโน๊ตบุ๊คพัง แง้งงง วันนี้กลับมาแล้วค่าาา เย้ๆ พึ่งไปถอยโน๊ตบุคตัวใหม่มาวันนี้เลยอยากจะแปลเพลงเพราะๆสักเพลงค่ะ เพลงที่ว่านี้ก็คือ เพลง Someday came today ร้องโดยพ่อหนุ่ม Chris Pine เองค๊าาคุณผู้โช้มมมม เพลงนี้เป็นเพลงประกอบในหนังเรื่อง Small town in Saturday night ค่ะ นอกจากนักร้องจะหล่อแล้ว ความหมายเพลงนี้ก็พูดถึงความฝันได้สวยงามมากเลยหล่ะค่ะ ลองไปฟังเสียหนุ่มหล่อนัยน์ตาชวนฝันคนนี้กันค่ะ 






Hm-m-m-m-mmm
Someday I will findMy ticket outta here
Wake up one mornin'And just start packin'

อืมม สักวันหนึ่ง ฉันจะต้องหาตั๋วสักใบพาฉันออกไปจากที่นี่
ฉันจะตื่นขึ้นมา แล้วก็เริ่มที่จะแพ็กของใส่กระเป๋า


Yea-I'll make up my mindAnd I'll lay down my fear

Stop waitin' for the next bad thing to happen
I'm ready for the rainbow to begin
I just got through a storm of tears
I thought would never end

ใช่แล้ว ฉันจะตัดสินใจทำมัน
และฉันก็จะ สลัดความกลัวทั้งหลายทิ้งไป
เลิกที่จะรอคอยว่าเมื่อไหร่เรื่องร้ายๆจะเกิดขึ้นนะ
ฉันพร้อมแล้วสำหรับสายรุ้งที่จะเกิดขึ้นมา
ฉันพึ่งจะผ่านพ้นพายุแห่งน้ำตามาได้
และฉันก็คิดว่ามันคงไม่มีวันจบง่ายๆ

Someday was a dream that always seemed to turn out wrong
But now it's not so far away
Puttin' off tomorrowIs 24 hours too long
I guess my someday came today
ไอ้สักวันหนึ่งนั้นมันก็เหมือนกับความฝัน ที่ดูเหมือนว่ามันคือความผิดพลาด
แต่ตอนนี้มันไม่ได้ดูห่างไกลขนาดนั้น
เลิกคิดถึงวันพรุ่งนี้ซะ
เวลา 24 ชั่วโมงก็มากเกินพอแล้ว
ฉันคิดว่า ไอ้สักวันหนึ่งนั้นหนะ ก็คือวันนี้แหละ


Maybe I'll take a train
To a place I've never been
Or I could watch the sun fall into the ocean


ฉันอาจจะเลือกนั่งรถไฟ ไปในที่ๆฉันยังไม่เคยไป
ที่ๆฉันจะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกลงไปที่สุดขอบทะเล


I finally feel aliveThrow my heart into overdrive
Get up and get this life in motion
I'll do everything I'm meant to do
Cause I'm past the pain and sorrow that kept it all from comin' true Yeah it came today yeah hm-m-m-m-mmm

แล้วฉันก็รู้สึกมีชีวิตชีวาสักที
ฉันปล่อยใจให้นำทางโดยอิสระเสรีเต็มกำลัง
ฉันจะตื่นขึ้นมาทุกเช้า แล้วก็ทำแบบนี้แหละ
ฉันจะทำทุกๆอย่างที่ฉันอยากจะทำ
เพราะฉันได้ผ่านพ้นความเจ็บปวดและความเศร้าโศกที่คอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้ความฝันฉันเป็นจริง
ใช่แล้ว วันนี้ก็มาถึง...



Writer(s): Stephen Hartley Dorff, Maia Sari Sharp, Bobby Wayne Tomberlin


แปลเพลง Wanted by OneRepublic

          สวัสดีวันเสาร์สดใสค่ะ เมื่อวานนี้มีข่าวดีของวงโปรดของเราพึ่งจะออก single ใหม่มาค่ะ ก็คือเพลง wanted นั่นเอง เป็นซิงเกิลที่ 2...

หน้าเว็บ