วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แปลเพลง Closer by Travis

        



             สวัสดีวันเสาร์ค่าา วันนี้มาพบกับอีกหนึ่งบทเพลงความหมายดีจากหนุ่มๆ(ที่ไม่หนุ่มแล้ว) Travis วงร็อกชาวสก๊อต (Scottish) กันค่ะ ขอเสนอเพลง Closer ที่แปลว่า ใกล้ขึ้นมา ค่ะ เพลงนี้อยู่ในอัลบัม The Boy With No Name (2007) ค่ะ เพลงนี้คนแต่งบอกว่า เค้าแต่งเพื่อสื่อถึงคู่รักที่อยู่ด้วยกันมาสักพักแล้ว ความหวานของทั้งคู่ก็เริ่มจะจืดจางลงค่ะ ดังนั้นสิ่งที่ควรจะทำก็คือ ควรใส่ใจกันมากขึ้น และชื่นชมอีกฝ่ายค่ะ ให้ความรักกลับมาหอมหวานอีกครั้งค่ะ

he said, was written to express that thing that happens between people, couples that have been together for a while and start to lose that spark, and that need to just put that extra effort into the relationship, appreciating the other person and just falling back in love with them

*แอบรู้มานะคะ ว่าวงนี้เนี่ย เป็นวงตำนานต้นแบบวงดังๆในยุคนี้คือ วง Coldplay, Snow patrol และก็ Keane ค่า ว้าววว สุดยอดไปเลยหล่ะค่ะท่านผู้ช้มมม

ลองไปฟังเพลงกันเลยค่าาา






"Closer"


I've had enough, of this parade.
I'm thinking of, the words to say.
We open up, unfinished parts,
Broken up, its so mellow.
And when I see you then I know it will be next to me
And when I need you then I know you will be there with me
Ill never leave you...

ฉันเบื่อเหลือเกินกับเรื่องมากมายที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน
ฉันคิดถึงถ้อยคำที่ฉันจะพูดมันออกมา
เราเริ่มต้นมา กับส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ 
แล้วก็หยุดมัน เพื่อให้มันกลมกล่อม
และเมื่อฉันมองไปที่คุณ ฉันรู้ว่าคุณจะอยู่ข้างๆฉันเสมอ
และเมื่อฉันต้องการคุณ ฉันรู้ว่าคุณจะอยู่ที่นั่นกับฉัน
ฉันจะไม่มีวันทิ้งคุณ


Just need to get closer, closer,
Lean on me now,
Lean on me now,
closer, closer,
Lean on me now,
Lean on me now.

แค่ต้องการอยู่ใกล้ๆกัน ใกล้กันขึ้นมาอีกได้มั้ย
เอียงลงมาซบที่ไหล่ฉัน
ใกล้กันอีกได้มั้ย
แล้วเอียงตัวลงมาซบที่ไหล่ของฉัน


Keep waking up (waking up), without you here (without you here).
Another day (another day), another year (another year).
I seek the truth (seek the truth), we set apart (we set apart)
Thinking of a second chance (a second chance).

ฉันเดินต่อไป (เดินต่อไป) โดยที่ไม่มีคุณ (ไม่มีคุณอยู่ด้วย)
วันแล้ววันเล่า (วันเดือนผ่านไป) ปีแล้วปีเล่า (เดือนปีผ่านไป)
ฉันยังมองหาความจริง (หาความจริง) อะไรนะทำให้เราต้องแยกจากกัน (แยกจากกัน)
คิดว่าฉันจะมีโอกาสแก้ตัวมั้ยนะ 


And when I see you then I know it will be next to me
And when I need you then I know you will be there with me
Ill never leave you...

และเมื่อฉันมองไปที่คุณ ฉันรู้ว่าคุณจะอยู่ข้างๆฉันเสมอ
และเมื่อฉันต้องการคุณ ฉันรู้ว่าคุณจะอยู่ที่นั่นกับฉัน
ฉันจะไม่มีวันทิ้งคุณ....


Writer(s): Francis Healy
Copyright: Sm Publishing Uk Limited

แปลเพลง Masterpiece by Jessie J



 วันนี้มารู้จักกับอีกหนึ่งบทเพลงดังของนักร้องเสียงทรงพลังคนนี้ค่ะ Jessie J นั่นเอง ขอเสนอ single ในอับลัม Sweet Talker ของเธอค่ะ ชื่อเพลง Masterpiece ที่แปลว่า ผลงานชิ้นโบว์แดงค่ะ เพลงนี้มีเนื้อหาน่าสนใจมากค่ะ เป็นบทเพลงให้กำลังใจดีๆอีกหนึ่งบทเพลงที่น่าฟังเชียวค่ะ


ลองฟังกันดูค่ะ






"Masterpiece"


So much pressure
Why so loud?
If you don't like my sound
You can turn it down
I got a road
And I walk it alone

กดดันอะไรขนาดนี้ ทำไมต้องทำเสียงดังด้วย
ถ้าคุณไม่ชอบเสียงของฉัน คุณก็แค่ลดเสียงลงซะ
ฉันมีทางของฉัน แล้วฉันก็เดินทางนั้นด้วยตัวฉันเอง


Uphill battle
I look good when I climb
I'm ferocious, precocious
I get braggadocios
I'm not gonna stop
I like the view from the top (Yeah)

ในการแข่งขันปีนเขา ฉันดูดีเวลาที่ฉันปีนมันขึ้นไป
ฉันแข็งแกร่ง ฉันฉลาดกว่าคนอื่นๆ
แล้วฉันก็เริ่มชอบที่จะโชว์ด้วย
ฉันจะไม่หยุดมันหลอกนะ เพราะฉันชอบวิวที่มองจากข้างบนนี้ซะจริงๆเลย


You talk that blah blah, that la la, that rah rah shit
And I'm so done, I'm so over it
Sometimes I mess up, I f*$% up, I hit and miss
But I'm okay, I'm cool with it

คุณมีแต่พูดนั่น โน่น นี่
ฉันเบื่อแล้ว ฉันพอแล้ว
บางครั้งฉันเองก็สับสน ให้ตายสิ ฉันสู้บ้างพลาดบ้าง
แต่มันก็โอเคนะ ฉันเอาอยู่


I still fall on my face sometimes
And I can't colour inside the lines
'Cause I'm perfectly incomplete
I'm still working on my masterpiece
And I, I wanna hang with the greats
Got a way to go, but it's worth the wait
No, you haven't seen the best of me
I'm still working on my masterpiece


ฉันก็ยังคงทำผิดพลาดบ้างในบางครั้ง 
แล้วฉันก็ ไม่สามารถจะอยู่ในกรอบได้หรอกนะ
เพราะว่าฉันสมบูรณ์แบบไปซะหมดทุกอย่างหรอก
ฉันก็กำลังสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันอยู่นี่ไง
ฉันอยากจะเป็นผลงานที่แขวนอยู่บนหิ้งที่ดีที่สุด
ยังต้องทำอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะรอคอยใช่มั้ยหละ
คุณยังไม่เคยเห็นผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันนี่
เพราะฉันกำลังสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันอยู่นี่ไง


Oooh, oooh
Oooh, aaah
Oooh, oooh
Oooh, aaah

โอ้เย้

Those who mind don't matter
Those who matter, don't mind
If you don't catch what I'm throwing
Then I'll leave you behind

ใครจะคิดยังไงก็ไม่สำคัญหรอก
เรื่องของคนอื่น ก็ไม่ต้องไปกังวลหรอก
ถ้าคุณไม่รับเอาในสิ่งที่ฉันให้ไป
ฉันจำเป็นต้องทิ้งคุณไว้ข้างหลังนะ

Gone in a flash
And I ain't living like that

ฉันจะไปอย่างรวดเร็วเลยหละ  ฉันไม่อยู่ตรงนั้นหลอดไปหรอกนะ


They talk that blah blah, that la la, that rah rah shit
Roll with the punches, and take the hits
Sometimes I mess up, I f*$% up, I swing and miss
But it's okay, I'm cool with it

พวกเค้ามีแต่พูดนั่น โน่น นี่
มัวเมากับการต่อยนั่น แล้วก็ต่อสู้กัน
บางครั้งฉันเองก็สับสน ให้ตายสิ ฉันสู้เค้าบ้างพลาดบ้าง
แต่มันก็โอเคนะ ฉันเอาอยู่


I still fall on my face sometimes
And I can't colour inside the lines
'Cause I'm perfectly incomplete
I'm still working on my masterpiece
And I, I wanna hang with the greats
Got a way to go, but it's worth the wait
No, you haven't seen the best of me
I'm still working on my masterpiece

หน้าฉันดูเหมือนคนที่ทำพลาดในบางครั้ง
แล้วฉันก็ ไม่สามารถจะอยู่ในกรอบได้หรอกนะ
เพราะว่าฉันสมบูรณ์แบบไปซะหมดทุกอย่างหรอก
ฉันก็กำลังสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันอยู่นี่ไง
ฉันอยากจะเป็นผลงานที่แขวนอยู่บนหิ้งที่ดีที่สุด
ยังต้องทำอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะรอคอยใช่มั้ยหละ
คุณยังไม่เคยเห็นผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันนี่
เพราะฉันกำลังสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันอยู่นี่ไง




Writer(s): Brittany Burton, Joshua Berman, Emily Schwartz
Copyright: Where Da Kasz At?, Blue Mailbox Music, Britt Burton Songs, Under Warrenty Publishing

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แปลเพลง Preacher by OneRepublic

        วันนี้จะมาแปลเพลงของศิลปินเจ้าเดิมค่ะ OneRepublic นั่นเอง ฮ่าๆๆ วงโปรดของเราเลย เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงที่เพราะและความหมายดีมากๆค่ะ ชื่อ Preacher ที่แปลว่านักเทศน์ค่ะ เพลงนี้อยู่ในอัลบัม Native ค่ะ แต่งโดย Ryan Tedder และพ่อหนุ่ม Brent Kutkle เจ้าเดิม เนื้อเพลงพูดถึงคุณตา รึปู่ก็ไม่แน่ใจค่ะ ของไรอัน เค้าเป็นคนดีมากๆ และคอยสั่งสอนไรอันมาตั้งแต่เด็กค่ะ จนเค้าคิดว่าคุณตาของเค้านั้นเป็นเหมือนกับนักเทศน์ค่ะ ที่สอนแต่สิ่งที่ดีให้กับเค้า เค้าจึงแต่งเพลงนี้ให้กับคุณตาของเค้า และคุณปู่ คุณตาของทุกๆคนค่ะ


ไปลองฟังกันดูค่ะ








When I was a kid, I used to buy and sell gravity
I knew how to fly, and I would teach you for a fee
Broke every window in my hotel heart
When I was only 5 years old, the 12 years scar
But I'd hear the same voice echo in my mind
Said "son you got an angel, to chase the devil at night", yeah

ตอนที่ยังเป็นเด็ก ฉันเคยเล่นกับแรงโน้มถ่วง
ฉันรู้วิธีที่จะโบยบิน แล้วฉันสอนเธอได้นะถ้ามีค่าจ้างหนะ
มันทำลายหน้าต่างทุกๆบานในหัวใจของฉัน
ตอนที่ฉันอายุได้แค่ 5 ขวบ มันเป็นรอยแผลในใจฉันมา 12 ปีแล้ว
แต่ก็มีเสียงๆนึง เป็นเสียงเดิมที่ดังก้องอยู่ในหัวของฉัน
บอกว่า "เด็กน้อย เจ้ามีนางฟ้าที่คอยขับไล่เหล่าปีศาจในยามราตรีนะ"



When I was a kid, my grandfather was a preacher
He'd talk about God, yeah he was something like a teacher
He said God only helps those
Who learn to help themselves
He was a million miles from a million dollars
But you can never spend his wealth

เมื่อฉันเป็นเด็ก คุณปู่ของฉันเป็นนักเทศน์
ท่านพูดถึงพระเจ้า ใช่แล้ว ท่านเป็นเหมือนกับคุณครูเลยหละ
ท่านบอกว่า "พระเจ้าหนะจะช่วยเหลือเฉพาะ คนที่เรียนรู้ที่จะช่วยตัวเองเท่านั้นแหละ"
ท่านห่างไกลจากความร่ำรวยมาก แต่ก็ไม่มีใครมีสมบัติแบบท่านเลย



I took a little faith, and put it in a parking lot
I drove to a strange town, full of "have" and "have nots"
Yeah, and as I walk through that storybook life
I'll be looking for an angel, to chase the devil at night, whoa

ฉันลองเชื่อสักหน่อย เหมือนกับการเข้าไปในลานจอดรถ
แล้วลองขับรถเข้าไปในเมืองที่แปลกประหลาด ที่เต็มไปด้วย "เคย" และ "ไม่เคย"
ใช่แล้ว และตอนที่ฉันเดินผ่านหนังสือชีวิตเหล่านั้น
ฉันก็กำลังมองหานางฟ้าของฉัน ที่สามารถขับไล่เหล่าปีศาจในยามราตรีได้นั่นไง โอ้เย้



When I was a kid, my grandfather was a preacher

He'd talk about love, yeah he was something like a teacher
He said God only helps those
Who learn to help themselves
He was a million miles from a million dollars
But you can never spend his wealth

เมื่อฉันเป็นเด็ก คุณปู่ของฉันเป็นนักเทศน์
ท่านพูดถึงพระเจ้า ใช่แล้ว ท่านเป็นเหมือนกับคุณครูเลยหละ
ท่านบอกว่า "พระเจ้าหนะจะช่วยเหลือเฉพาะ คนที่เรียนรู้ที่จะช่วยตัวเองเท่านั้นแหละ"
ท่านห่างไกลจากความร่ำรวยมาก
แต่ก็ไม่มีใครมีสมบัติแบบท่านเลย



Wave, put your hands up, and hands down

Wave, put your hands up, and hands down
Wave, put your hands up, and hands down

โบกมือไปมา ชูมือขึ้นเอ้า เอามือลงๆๆๆ



แปลเพลง Bubbly by Colbie Caillat

     


เมื่อวานนั่งลิสเพลงที่จะแปลได้เยอะเลย คือจริงๆแล้วคนแปลเพลงก็เยอะอยู่นะ แต่ก็อยากลองแปลเพลงเองดูบ้าง บางทีไอ้ที่เราแปลได้มันไม่ได้สวยเหมือนของคนอื่นหรอก แต่เป็นแบบที่เราเข้าใจไง เราฟังเพลงแล้วรู้สึกแบบนี้นะ บางทีแปลเป็นภาษาไทยมันไม่สวยแบบสำนวนฝรั่งเอาซะเลย แต่ก็ลองแปลให้มันใกล้เคียงที่สุดแล้วกัน ^_^

       อยู่ๆก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาค่ะ Bubbly เป็นเพลงรักฟังสบายๆแต่งและร้องโดยศิลปินเพลงรักอย่าง Colbie Caillat ค่ะ เป็นเพลงเปิดตัวในอัลบัม Coco นั่นเอง เพลงของเธอที่เพราะๆติดหูในอัลบัมนี้อีกเพลงก็คือเพลง Realize (รู้ซึ้งแล้ว) ค่ะ
     เพลงนี้ Colbie Caillat ไม่ได้แต่งขึ้นให้ใครเป็นพิเศษค่ะ  เธอบอกว่าเธอเขียนขึ้นเพราะเวลาที่เราเจอใครสักคนที่เราปิ๊ง (crush) ขึ้นมา มันรู้สึกปั่นป่วนท้อง เหมือนมีผีเสื้อมาบินในท้องค่ะ (butterflies in someone stomach ) และนั่นก็ทำให้เรายิ้มได้ค่าาา ฮิ้ววว หวานซะ  

 "I didn't write "Bubbly" for any [special] guy. I wrote it about the feelings you get when you have a crush on somebody, and when they give you butterflies in your stomach and they just make you smile."


ลองไปฟังกันดูเลยยย



 

I've been awake for a while now. 
You've got me feeling like a child now. 
Cause every time I see your bubbly face. 
I get the tingles in a silly place.

ฉันตื่นมาได้สักพักละหละ เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเด็กไปเลยเพราะว่าทุกๆครั้งที่ฉันเห็นหน้าแจ่มๆของเธอ มันก็รู้สึกจักจี้แปลกๆเลยหละ


         It starts in my toes Makes me crinkle my nose. 
Where ever it goes I always know 
That you make me smile Please stay for a while now. 
Just take your time 
Where ever you go.

มันเริ่มจากที่นิ้วเท้าของฉัน และทำให้ฉันต้องย่นจมูกเลย (ยิ้มกว้างจนจมูกย่นเลย)
ไม่ว่าเธอจะไปไหน ฉันก็จะรู้ทั้งนั้นแหละ
เพราะเธอทำให้ฉันยิ้มนะ ได้โปรดหละ
อยู่ต่อสักพักเถอะนะ ไม่ต้องรีบไปไหนหรอก




The rain is falling on my window pane. 
But we are hiding in a safer place. 
Under the covers staying dry and warm. 
You give me feelings that I adore. 

สายฝนตกแล้วไหลลงที่หน้าต่าง
แต่เราซ่อนตัวอยู่ในที่ปลอดภัยกันแล้วนะ
อยู่ภายใต้ที่ๆแห้งและอบอุ่น
และเธอนั่นแหละที่ทำให้ฉันรู้สึกพิเศษอะไรแบบนี้


( * )  What am I gonna say. When you make me feel this way.
I just um

 ที่ฉันจะบอกก็คือ เธอนั่นแหละ เวลาที่เธอทำทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น ฉันก็แค่..



( * )  I’ve been asleep for a while now.   
You tucked me in just like a child now. 
Cause every time you hold me in your arms. 
I’m comfortable enough to feel your warmth.

ฉันนอนหลับมาได้สักพักแล้วแหละ
 เธอประคองกอดฉันไว้อย่างกับฉันเป็นไอ้เด็กน้อย
เพราะทุกๆครั้งที่เธอกอดฉันไว้ในวงแขนของเธอ
ฉันรู้สึกสึกสบายจนรู้สึกถึงความอบอุ่นของเธอเลยหละ




It starts in my soul. And I lose all control. 
When you kiss my nose, The feeling shows. 
Cause you make me smile Baby just take your time 
Holding me tight.

มันเริ่มแผ่ซ่านจากข้างในตัวฉัน
แล้วฉันก็เริ่มรู้เสียการควบคุมเลยหละ                      
ตอนที่เธอจุ๊บจมูกของฉันนะ ฉันรู้สึกว่า
เป็นเธอนั่นแหละ ที่ทำให้ฉันยิ้มได้ ที่รัก
ไม่ต้องรีบนะ กอดฉันแน่นๆก็พอ




 Where ever, where ever, where ever you go 
Where ever, where ever, where ever you go 
Where ever you go always know. 
You make me smile just for a while.

ไม่ว่าที่ไหน ทุกๆที่ ทุกๆที่ ที่เธอไป รู้ไว้นะ เธอทำให้ฉันยิ้มได้ ^_^


แปลเพลง (They long to be) close to you by the carpenters



เย้ๆ วันนี้มีคนแนะนำเพลงๆนึงมาค่ะ เป็นเพลงของ The Carpenters ค่ะ 
เรา คงจะคุ้นเคยชื่อของศิลปินช่างไม้ยุค 70s วงนี้มาบ้างนะคะ เพลงเพราะๆที่คุ้นหูเราก็มี Yesterday onec more, Top of the world, rainy days and mondays วันนี้ขอนำเสนออีกหนึ่งเพลงฮิตของวงนี้ค่ะ ชื่อ (They long to be) close to you ค่ะ





ลองฟังกันดูค่ะ


แปลเพลง (They Long To Be) Close To You

Why do birds suddenly appear, ev'ry time you are near?
Just like me, they long to be close to you.
Why do stars fall down from the sky, ev'ry time you walk by?
Just like me, they long to be close to you.

ทำไมนะ เหล่าบรรดานกอยู่ถึงได้บินออกมา ทุกๆครั้งที่คุณอยู่ใกล้
ก็คงเหมือนฉันนั่นแหละ ที่อยากจะอยู่ใกล้ๆกับคุณนั่นไง
แล้วทำไมนะ ดวงดาวทั้งหลายถึงได้ตกลงมาจากฟากฟ้า ทุกครั้งทุกคราที่คุณเดินผ่าน
ก็คงจะเหมือนฉันอีกนั่นแหละ ที่อยากจะได้อยู่ใกล้กับคุณ

On the day that you were born the angels got together.
And decided to create a dream come true.
So, they sprinkled moon dust in your hair of gold,
And star-light in your eyes of blue.
That is why all the girls in town follow you all around.
Just like me, they long to be close to you...

ตั้งแต่วันที่คุณได้เกิดมา เหล่าเทวดานางฟ้าก็มารวมตัวกัน
และได้บันดาลให้ความฝันนั้นเป็นจริง
พวกเค้าบันดาลผมสีทองของคุณให้ประกายด้วยธุลีของดวงจันทร์
และนัยตาสีฟ้าด้วยแสงสว่างแห่งดวงดาว
เพราะเหตุนี้ไงสาวๆทั้งหลายในเมืองถึงได้พากันติดตามคุณไปทุกที่
ก็เพราะเหมือนฉันนี่ไง ที่อยากจะอยู่ใกล้ๆกับคุณ

แปลเพลง Come home by OneRepublic feat. Sara Barellies

แปลเพลง Come home


วันนี้ขอนำเสนอหนึ่งในเพลงของ OneRepublic ที่เราชอบค่ะ เพลงนี้ไม่ค่อยดังเท่าไหร่ ชื่อเพลง Come home ค่ะ

อยู่ในอัลบัมแรก Dreaming out loud ค่ะ เขียนโดย Ryan Tedder นั่นเองค่ะ

เพลง นี้ Ryan เล่าว่า ได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนของเค้าที่ขอแฟนแต่งงาน แต่ต้องไปรบที่อิรักในขณะที่คนรักต้องเฝ้ารออยู่บ้าน เนื้อหาจึงพูดถึงผู้หญิงคนรักที่กำลังรอคนรักที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ หวังว่าวันนึงสงครามจะยุติ คนรักของเค้าจะได้ "กลับบ้าน"สักทีค่ะ 

ไปลองฟังกันเลยค่ะ




เนื้อเพลง Come home


Hello world
Hope you’re listening
Forgive me if I’m young
For speaking out of turn
There’s someone I’ve been missing
I think that they could be
The better half of me
They’re in the wrong place trying to make it right
But I’m tired of justifying
So I say you’ll


เฮ้ สวัสดีนะ โลกใบนี้
ฉันหวังว่าจะได้ยินที่ฉันกำลังพูดนะ
ขอโทษด้วยถ้าเกิดว่าฉันนั้นยังเด็กไป
ที่จะพูดอะไรพวกนี้ตอนนี้
คือว่ามีบางคนเค้าหายไปหนะ
ฉันคิดว่าพวกเค้าคือสิ่งที่ดีสุดของฉันเลย
พวกเค้าแค่อยู่ในที่ๆไม่ควรอยู่เพื่อที่จะทำให้สิ่งต่างๆนั้นมันถูกต้อง
แต่ฉันเบื่อแล้วที่จะต้องมาอธิบายอะไร
เพราะฉะนั้นฉันจะพูดว่า


Come home, come home
Cause I’ve been waiting for you
For so long, for so long
And right now there’s a war between the vanities
But all I see is you and me
The fight for you is all I’ve ever known
So come home

Oooooh oooh


กลับบ้านเถอะ กลับบ้านเราเถอะนะ
เพราะฉันเฝ้ารอคุณมานาน นานแสนนาน
แล้วตอนนี้ก็มีเพียงสงครามของความไม่เป็นจริงเท่านั้น
ที่ฉันเห็นตอนนี้มีแค่เพียงคุณและฉันเท่านั้น
การต่อสู้เพื่อคุณเท่านั้น ที่ฉันรู้จัก
เพราะฉะนั้น กลับบ้านเราเถอะนะ


(Sara Bareilles)

I get lost in the beauty
Of everything I see
The world ain’t as half as bad
As they paint it to be
If all the sons
If all the daughters
Stopped to take it in
Well hopefully the hate subsides and the love can begin
It might start now yeah
Well maybe I’m just dreaming out loud
Until then


ฉันหลงไปกับความงดงาม
ของทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันได้เห็น
โลกนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกเค้าตั้งใจให้คุณคิดแบบนั้นหรอกนะ
ถ้าลูกหลานของเรา หยุดเอาพวกสิ่งร้ายๆพวกนั้นเข้ามา
นั่นแหละความเกลียดชังทั้งหลายนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักขึ้น
มันน่าจะเริ่มได้แล้วนะ
หรือฉันเพียงแค่ฝันอยู่ก็ได้
จนกว่าจะถึงตอนนั้น



Come home, come home
Cause I’ve been waiting for you
For so long, for so long
And right now there’s a war between the vanities
But all I see is you and me
The fight for you is all I’ve ever known
Ever known
So come home

Ooooooh oooooooooooooh


กลับบ้านเถอะ กลับบ้านเราเถอะนะ
เพราะฉันเฝ้ารอคุณมานาน นานแสนนาน
แล้วตอนนี้ก็มีเพียงสงครามของความไม่เป็นจริงเท่านั้น
ที่ฉันเห็นตอนนี้มีแค่เพียงคุณและฉันเท่านั้น
การต่อสู้เพื่อคุณเท่านั้น ที่ฉันรู้จัก
เพราะฉะนั้น กลับบ้านเราเถอะนะ



(Onerepublic – Sara Bareilles)

Everything I can’t be
Is everything you should be
And that’s why I need you here
Everything I can’t be
Is everything you should be
And that’s why I need you here
So hear this now


ทุกๆสิ่งที่ฉันไม่สามารถจะทำได้
คือทุกๆสิ่งที่คุณควรจะเป็น
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมฉันถึงต้องการให้คุณมาอยู่ที่นี่
ทุกๆสิ่งที่ฉันไม่สามารถจะทำได้
คือทุกๆสิ่งที่คุณควรจะเป็น
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมฉันถึงต้องการให้คุณมาอยู่ที่นี่
ฉะนั้น ฟังนะ


Come home, come home
Cause I’ve been waiting for you
For so long, for so long
And right now there’s a war between the vanities
But all i see is you and me
The fight for you is all I’ve ever known


กลับบ้านเถอะ กลับบ้านเราเถอะนะ
เพราะฉันเฝ้ารอคุณมานาน นานแสนนาน
แล้วตอนนี้ก็มีเพียงสงครามของความไม่เป็นจริงเท่านั้น
ที่ฉันเห็นตอนนี้มีแค่เพียงคุณและฉันเท่านั้น
การต่อสู้เพื่อคุณเท่านั้น ที่ฉันรู้จัก
เพราะฉะนั้น กลับบ้านเราเถอะนะ


(Onerepublic)
Ever known
So come home
Come home
(Sara Bareilles)
Come home, come home
I’ve been waiting for you
(Onerepublic)
Come home

แปลเพลง Wanted by OneRepublic

          สวัสดีวันเสาร์สดใสค่ะ เมื่อวานนี้มีข่าวดีของวงโปรดของเราพึ่งจะออก single ใหม่มาค่ะ ก็คือเพลง wanted นั่นเอง เป็นซิงเกิลที่ 2...

หน้าเว็บ